“แท็กซี่” ถูกใจ ประชาวิวัตน์ ให้คะแนน 7 เต็ม 10
สอบผ่าน ทั้งมาตรการตรึงราคาแอลพีจี -เข้าถึงสินเชื่อ-ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ระบุ ผู้ขับแท็กซี่ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่ม ทั้งเรื่องราคาค่าเช่ารถ สินค้า น้ำมัน แก๊ส รวมทั้งปัญหาจราจรติดขัด
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงข่าวผลสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ เรื่อง “สถานภาพของแท็กซี่ไทยและทัศนะต่อมาตรการของรัฐ” ณ ห้องประชุมหอการค้าไทย อาคารจุลินทร์ ล่ำซำ ถนนราชบพิธ
นายวิจักร อากัปกริยา รองอธิบดีกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมากนัก เพราะได้รับแรงหนุนจากทุนของสหกรณ์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการสะสมหุ้นรายเดือน และการฝากเงินออมสะสมของสมาชิก ปัจจุบัน มีประชากรจำนวนกว่า 11 ล้าน หรือร้อยละ 16.42 ของประชากรทั้งประเทศ ทำธุรกิจกับสหกรณ์ โดยมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจมูลค่ากว่า 1.48 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.77 ของ GDP และมีทุนดำเนินการกว่า 1.31 ล้านล้านบาท สร้างรายได้กว่า 2.3 แสนล้านบาท และสามารถทำกำไรกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สมาชิกสหกรณ์มีสัดส่วนเงินออมต่อคนมากกว่าหนี้ต่อคน ซึ่งรวมถึงสหกรณ์แท็กซี่ ในปี พ.ศ.2553 ที่มีจำนวนสหกรณ์ 39 แห่ง สมาชิก 27,986 คน
ด้านนายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นปัญหาหนี้และความพึงพอใจต่อการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ กรณีผู้ขับแท็กซี่ ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,176 คน เฉพาะผู้ขับแท็กซี่ในกรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 พบว่า ผู้ขับแท็กซี่ร้อยละ 45 มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 10,000-15,000 บาท ขณะที่ร้อยละ 74 รายได้ของครอบครัวต่อเดือนอยู่ที่ระดับ 15,000-30,000 บาท
“ร้อยละ 85.2 ของครอบครัวผู้ขับแท็กซี่มีภาระหนี้ โดยส่วนใหญ่ นำมาใช้จ่ายทั่วไป และเป็นหนี้ซื้อทรัพย์สิน (รถยนต์)”
สำหรับทัศนะต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล ผลสำรวจความคิดเห็นฯ พบว่า ร้อยละ 50 ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ หลังจากลงทะเบียนกับภาครัฐ ฉะนั้น จึงต้องการให้รัฐลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังและรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ต้องจัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือและสร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
นายวชิร กล่าวถึงการรับรู้และความพึงพอใจเกี่ยวกับโครงการประชาภิวัตน์ 9 มาตรการว่า ผู้ขับแท็กซี่ร้อยละ 90.1 รับรู้ถึงโครงการดังกล่าว และมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากถึงร้อยละ 51.4 พร้อมทั้งให้คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 4.51 จากคะแนนเต็ม 6
และจากการสำรวจ 3 มาตรการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ขับแท็กซี่ พบว่า 1.มาตรการด้านการนำเงินกองทุนน้ำมัน ตรึงราคาแก๊สแอลพีจีในภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง มีผู้พึงพอใจมากถึงร้อยละ 63.2 พร้อมทั้งให้คะแนนถึง 7.8 จากคะแนนเต็ม 10 ขณะที่ 2.มาตรการเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพิ่มกล้องวงจรปิด บุคลากรบูรณาการทำงานที่ตั้งเป้าลดอาชญากรรมร้อยละ 20 ภายใน 6 เดือนนั้น มีผู้พึงพอใจมากถึงร้อยละ 62.3 ได้คะแนน 7.7 จากคะแนนเต็ม 10 และสุดท้าย 3.มาตรการเข้าถึงสินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ สำหรับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซต์ หาบเร่แผงลอย มีผู้พึงพอใจมากถึงร้อยละ 53.4 ได้คะแนน 7.6 จากคะแนนเต็ม 10
“ผู้ขับแท็กซี่เกินครึ่ง มองว่ามาตรการด้านสินเชื่อ และมาตรการตรึงราคาแก๊สแอลพีจี เป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายของผู้ขับแท็กซี่ในหนึ่งวัน ประกอบด้วย ค่าเช่ารถ ค่าใช้จ่าย ค่าแก๊สหรือน้ำมัน ต่อวัน นอกจากนี้ยังเสียค่าปรับครั้งละกว่า 400 บาท ซึ่งในหนึ่งเดือนจะต้องเสียค่าปรับประมาณ 1-2 ครั้ง”
อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ผู้ขับแท็กซี่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติมคือ 1.ค่าเช่ารถ ควรเป็นธรรมกับผู้เช่า 2.ราคาสินค้าควรปรับให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชนส่วนใหญ่ 3.ราคาน้ำมันควรให้เหมาะสมกับรายได้ของประชาชน 4.ราคาแก๊สไม่ให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น และ 5.ลดปัญหาสภาพการจราจรที่ติดขัด
ขณะที่ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจของภาคสหกรณ์ สะท้อนว่า เศรษฐกิจระดับรากหญ้ามีสภาพคล้องมากขึ้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพก็มีการปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากตัวเลขการออมลดลง แต่ทั้งนี้เชื่อว่า ประชาชนยังมีสภาพคล่องตรึงตัว
ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรึงราคาแก๊สแอลพีจีของรัฐบาลในขณะนี้ นับเป็นมาตรการที่สามารถยอมรับได้ในภาวะค่าครองชีพสูง เนื่องจากแก๊สแอลพีจีเป็นต้นทุนหลักของผู้ขับแท็กซี่ อีกทั้งเป็นสิ่งที่คนระดับล่างเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม ราคาแก๊สแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ก็ควรจะต้องค่อยๆ ขยับราคาขึ้นให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อ ต้องเร่งส่งเสริมให้กลุ่มผู้ขับแท็กซี่เข้าใจขั้นตอนและวิธีการดำเนินการมากขึ้น