คอป.เรียกร้องพรรคการเมืองประกาศจุดยืนก่อนเลือกตั้ง

คอป.ออกข้อเสนอ ขอทุกฝ่ายให้ความสำคัญสูงสุดกับการทำให้การเลือกตั้งปราศจากความรุนแรง-เป็นกลางอย่างแท้จริง ยันวิกฤตความขัดแย้งปี 53 มีรากเหง้าหยั่งรากลึกถึงระดับโครงสร้างของสังคม และโครงสร้างทางการเมือง
วันที่ 20 เมษายน ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรอบดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยรายงานความคืบหน้าการทำงานของ คอป.ครั้งที่ 1 (17 กรกฎาคม-16 มกราคม 2554) โดยในรายงานดังกล่าวได้อธิบายหลักการ ปรัชญา แนวคิด รวมทั้งแนวทางในการดำเนินการของคอป.ตั้งแต่ก่อนมีการแต่งตั้ง คอป.ตลอดจนถึงการดำเนินการต่างๆ ในช่วง 6 เดือนแรก ที่ได้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นลักษณทางวิชาการ โดยเน้นการดำเนินการที่เป็นอิสระ เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ในรายงานมีข้อมูลส่วนที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และข้อเสนอแนะของ คอป. รวมทั้งบทสรุปผู้บริหารและการแปลรายงานพร้อมบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมความเข้าใจต่อทั้งประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อจะได้รับรู้ร่วมกันในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นบทเรียนในการป้องกันมิให้ความรุนแรงเกิดขึ้นอีกในอนาคต
สำหรับข้อเสนอแนะในรายงานความคืบหน้า มีดังนี้
1.คอป.เห็นว่า ผู้เกี่ยวข้อทุกฝ่ายควรตระหนักว่า วิกฤตการณ์ความขัดแย้งรุนแรงเมื่อเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมาที่ดูเสมือนเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้น ในความเป็นจริงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีรากเหง้าของปัญหาที่หยั่งรากลึกถึงระดับโครงสร้างของสังคม และโครงสร้างทางการเมืองของประเทศ
ความขัดแย้งที่เดิมอาจจะเริ่มจากความขัดแย้งระหว่างบุคคลและกลุ่มบุคคล แต่เมื่อผสานกับสภาพปัญหาเชิงโครงสร้างความเหลื่อมล้ำของสังคม และความอ่อนแอของกลไกในระบบประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง การแสวงหาทางออกดังกล่าวควรอยู่บนพื้นฐานของการค้นหาความจริง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการนำประเทศชาติมาสู่ความขัดแย้ง การรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และการเปิดใจกว้างที่จะร่วมกันแสวงหาทางออกให้กับประเทศ โดยการลดทัศนคติ ในการเอาชนะและการมองปัญหาในมุมของตนแต่ฝ่ายเดียว รวมทั้งการคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนบุคคล หรือกลุ่มบุคคลมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ
2.คอป.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญสูงสุดกับการทำให้การเลือกตั้งปราศจากความรุนแรง และเป็นกลางอย่างแท้จริง และขอให้พรรคการเมืองทุกพรรคประกาศจุดยืนที่ชัดเจนก่อนการเลือกตั้งถึงกระบวนการและแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการนำชาติบ้านเมืองไปสู่การก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้งภายหลังจากการเลือกตั้ง
3.คอป.เห็นว่า การเสนอให้มีการนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องในสถานการณ์ความรุนแรงทั้งๆที่เกิดความสูญเสียอย่างมากมาย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมชุมนุม และเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ดี การดำเนินการกับผู้ชุมนุมโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างเคร่งครัด โดยไม่คำนึงถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่นำมาสู่ปัญหาการชุมนุมก็ดี ล้วนมิใช่แนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างยั่งยืน
คอป.เห็นว่า แนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น คือการที่สังคมทราบความจริงถึงสภาพปัญหาที่ทำให้ประเทศของเราก้าวมาถึงจุดนี้ และเรียนรู้ที่จะแสวงหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกัน จากประสบการณ์ของประเทศที่เกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่ที่นำมาสู่ความรุนแรงในลักษณะเช่นนี้ จะให้ความสำคัญกับการนำเอาหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justics) มาใช้ เป็นกลไกเสริมกระบวนการยุติธรรมหลัก ซึ่งมีข้อจำกัดในการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้
4.คอป.เห็นว่า รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับ ควบคุมการใช้อำนาจรัฐทุกฝ่ายพึงใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาด้วยความระมัดระวัง ไม่ตั้งข้อหากับผู้เกี่ยวข้องในการชุมนุมรุนแรงเกินสมควร ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของทุกฝ่าย ให้โอกาสในการต่อสู้คดีและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ต้องหา ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลยุติธรรมได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง และที่สำคัญที่สุด คือรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการกำกับควบคุม การใช้อำนาจรัฐทุกฝ่าย ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดของฝ่ายบริหารสามารถทำหน้าที่อย่างอิสระและเป็นกลาง โดยไม่ถูกแทรกแซง
5.คอป.เห็นว่า ภายใต้สภาวะที่มีความละเอียดอ่อนเช่นนี้ หน่วยงานทุกหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเองต้องมีความระมัดระวังที่จะแสดงให้เห็นถึงการวางตนเป็นกลาง โดยไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างเคร่งครัด
6.คอป.เห็นว่า ในห้วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองเช่นนี้ ทุกฝ่ายควรแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำกับการใช้อำนาจรัฐ และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ควรพึงระมัดระวังการนำเอากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาใช้ในห้วงเวลาที่มีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสูงเช่นในขณะนี้ โดยควรมีการวางแนวทางการบังคับใช้ที่เหมาะสมเพื่อลดทอนเงื่อนไขที่แต่ละฝ่ายจะนำไปกล่าวอ้าง
7.คอป.เห็นว่า สภาวะความขัดแย้งที่เป็นอยู่ สื่อทุกแขนงต้องมีความระมัดระวังและมีความรับผิดชอบในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชน
8.คอป.เห็นว่า รัฐบาลควรให้การสนับสนุน ส่งเสริมการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน โดยให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมทั้งการรักษาทางด้านร่างกาย จิตใจ การประกอบอาชีพ
