ชาวนาเงินล้าน เปิดเคล็ดลับทำเกษตร แบบไม่พึ่งนักการเมือง

"ชัยพร พรหมพันธุ์" เกษตรกรดีเด่น ถ่ายทอดประสบการณ์ ระบุ ชาวนาเคมี ต้องคอยพึ่งแต่นักการเมือง เหตุลงทุนมาก เสี่ยงสูง กำไรน้อย แนะรีบปรับตัวเกษตรอินทรีย์ ยันได้กำไรชัวร์
นายชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำนา ผู้ได้ชื่อว่า ชาวนาเงินล้าน จากจังหวัดสุพรรณบุรี ให้สัมภาษณ์กับ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยกำลังกลายเป็นพืชทางการเมือง เพราะไม่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ก็มักหยิบประเด็นเรื่องข้าว ราคาข้าวมาเป็นตัวชูโรงว่า สาเหตุสำคัญมาจากวิธีการทำนาของชาวนา เนื่องจากส่วนใหญ่นิยมใช้สารเคมีในขั้นตอนการผลิต ทำให้ต้นทุนสูง เมื่อนำข้าวเปลือกไปขายก็ได้กำไรน้อยหรือไม่ก็ขาดทุน จึงจำเป็นต้องอาศัยการเมืองเข้ามาบำรุงราคา
“หากชาวนาหันมาทำเกษตรอินทรีย์ ต้นทุนการผลิตจะลดลง คิดคำนวณ ปุ๋ยเคมีราคาประมาณ 800 บาทต่อลูก ขณะที่ปุ๋ยอินทรีย์มีราคา 300 บาทต่อลูก และสามารถใช้ได้หนึ่งไร่เท่านั้น แค่เรื่องปุ๋ยอย่างเดียวก็มีราคาต่างกัน 500 บาทแล้ว อีกทั้งหากผลิตสมุนไพรควบคุมแมลง ลงแรงทำนาด้วยตนเอง ไม่ใช่ทำแบบผู้จัดการนาที่ทุกอย่างจ้างหมด ก็จะสามารถอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งนักการเมืองแต่อย่างใด”
นายชัยพร กล่าวถึงผลผลิตที่ได้จากการทำนาอินทรีย์ในปีที่ผ่านมาว่า ทำนาอินทรีย์ทั้งสิ้น 102 ไร่ ลงทุนไร่ละประมาณ 2,000 กว่าบาท หลังจากขายหมด หักค่าใช้จ่ายเรียบร้อยได้กำไรประมาณ 500,000 บาท ในทางกลับกัน หากทำนาเคมีค่าใช้จ่ายจะตกประมาณไร่ละ 5,000 กว่าบาท ลงทุนมาก แถมความเสี่ยงสูง เพราะต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตลอด เนื่องจากแมลงที่มีประโยชน์ในแปลงนาตายไปหมด และยังส่งผลให้ระบบนิเวศเสียสมดุล
เมื่อถามถึงตลาดข้าวอินทรีย์ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันคนนิยมบริโภคข้าวกล้อง ข้าวเพื่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งหากเกษตรกรนำข้าวมาสี แปรรูป บรรจุถุงขาย ราคาข้าวจะขยับสูงถึง 20,000 บาทต่อเกวียน ดังนั้น คนที่ทำนาอินทรีย์จึงไม่ได้สนใจว่า จะมีใครเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดหรือไม่ เพราะมีกำไรอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
สำหรับนโยบายจำนำข้าวของพรรคการเมืองนั้น นายชัยพร กล่าวว่า แม้จะเป็นมาตรการที่ช่วยแบ่งเบาภาระของชาวนาได้ก็จริง และนโยบายมีข้อดีตรงที่พ่อค้าจะให้ราคาสูง ซื้อแข่งกัน เพราะกลัวว่าชาวนาจะเอาข้าวไปขายจำนำกันหมด แต่ก็ข้อเสีย คือ หากนโยบายจำนำมีวงเงินน้อย เกษตรกรที่ทำนาได้ข้าวจำนวนมากและไม่สามารถขายได้หมด ก็มักจะถูกโรงสีกดราคา ประการสำคัญ จะทำให้เกษตรกรเคยตัว ไม่รู้จักขวนขวาย
ทั้งนี้ นายชัยพร กล่าวด้วยว่า สภาพของชาวนาไทยคงต้องเป็นวงจรเช่นนี้ ต้องพึ่งนักการเมืองต่อไป จนกว่าชาวนาจะรู้สึกว่า การทำนาเคมี มีแต่จะขาดทุน และปรับตัว มาทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่ง
