ไม่ได้เห็นแก่ตัว “ดร.เสาวณีย์”ชี้ ปชช.ตุนสินค้าเป็นพฤติกรรมดูแลความเสี่ยง
รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.หอการค้าไทย เผย ปชช.แห่ซื้อสินค้า เหตุสับสนข้อมูลน้ำท่วม แนะทางออก รัฐสำรองสินค้าที่จำเป็นไม่ให้ขาดแคลน-ให้ข้อมูลที่ชัดเจน ชี้ ช่วงน้ำท่วม สินค้าแพงเป็นไปตามกลไกตลาด
ผศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวกับ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงราคาสินค้าในช่วงน้ำท่วมว่า โดยกลไกตลาดแล้ว สินค้าจะมีราคาแพง เนื่องจากสภาพการขนส่งถูกตัดขาด โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งถูกน้ำท่วม ทำให้การผลิตสินค้าบางส่วนลดลง สวนทางกลับกระแสแตกตื่นของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าสูงขึ้นทันที ราคาของจึงแพง
ขณะที่พฤติกรรมการกักตุนสินค้าของผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมนั้น ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า การกักตุนในแง่ของผู้บริโภค หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น เป็นความจำเป็นที่ต้องสำรองสินค้าอุปโภคบริโภคไว้ เพื่อกันเหนียว หากน้ำท่วมเป็นเวลานาน การจราจรติดขัดจะได้ไม่อดตาย ดังนั้น พฤติกรรมดังกล่าวจึงเป็นการดูแลความเสี่ยงของบุคคลเท่านั้น ในทางกลับกัน หากเป็นพฤติกรรมของพ่อค้า ที่เก็บสินค้าไว้ขายในช่วงที่ขาดตลาด ลักษณะดังกล่าวจะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว ซึ่งภาครัฐต้องเข้ามาจัดการ
เมื่อถามถึงกรณีผู้บริโภคแห่ซื้อสินค้าจำนวนมาก จนกระทั่งสินค้าบางรายการขาดตลาด ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า สาเหตุมาจากการที่ข้อมูลข่าวสารของรัฐ มีความสับสน ประชาชนไม่รู้ว่า บ้านของตนเองจะถูกน้ำท่วมหรือไม่ หรือหากโดนจะโดนเมื่อไหร่ ประชาชนจึงต้องมีมาตรการดูแลความเสี่ยงประจำตัว ประจำครอบครัว ฉะนั้น สิ่งที่จะช่วยได้คือ การให้ข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจน รวมถึงมีมาตรการสำรองสินค้าที่จำเป็น ไม่ให้ขาดแคลน ไม่เช่นนั้นสภาพดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อไป
และเมื่อถามว่า ในช่วงภัยพิบัติ ควรมีมาตรการบริหารจัดการด้านสินค้าอุปโภคอย่างไร ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า แนวโน้มในอนาคตภัยพิบัติจะเกิดถี่ขึ้น ดังนั้น ควรจะมีการวางแผนเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง ทั้งในเรื่องการสร้างแบบจำลอง การให้ข้อมูลข่าวสาร การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านความปลอดภัย การดูแลให้มีสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งในส่วนของสินค้าจำเป็นนั้น หน่วยงานใดจะมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบจะต้องระบุให้ชัดเจน ขณะเดียวกันจะต้องติดต่อกับผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งไว้ เพื่อกันไว้ในกรณีเกิดภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนไทยต้องเรียนรู้ ส่วนภาครัฐก็จำเป็นต้องมีแผนรองรับภัยพิบัติอย่างจริงจัง