กยน. ดึง “ม.ร.ว.ดิศนัดดา” นั่งแท่นอนุฯ กก.ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
“ปีติพงษ์” คลอด 6 มาตรการเร่งด่วน การันตี 6 เดือนเห็นผล “อาคม” เผยแหล่งงบฯ ยังไม่สรุปชัด รอหารือสน.งบประมาณ-ก.คลัง “ดร.อานนท์” เล็งจัดประชุมนานาชาติระดมความคิดด้านน้ำ เดือน ก.พ.
วันที่ 6 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุม คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยมี ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ปรึกษา กยน. ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ดร.รอยล จิตรดอน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กรรมการ กยน.ร่วมประชุม
นายอาคม กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานของ อนุกรรมการ กยน.ทั้ง 2 ชุด สำหรับการพิจารณาในส่วนของอนุกรรมการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน ที่มีนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นประธาน ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ 6 ข้อ เพื่อนำไปจัดทำแผนปฏิบัติ ดังนี้ 1.แนวทางการแก้ไขปัญหาด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ที่ต้องมีแผนอย่างเป็นรูปธรรมใน 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่อจะได้เห็นว่าคูคลอง ประตูระบายน้ำ ถนนหนทางแห่งใดที่ไปบล็อกทางน้ำ เมื่อมีความชัดเจนแล้ว จะได้มีการลงทุนเกิดขึ้น
2.ระบบข้อมูลและการพยากรณ์ มีความเห็นชอบให้ร่วมมือกับไจก้าในการจัดทำระบบข้อมูล โดยใช้เทคนิคของเรดาห์ เนื่องจากญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลมีความแม่นยำ การพยากรณ์มีความถูกต้องและใกล้เคียงมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศว่า ปริมาณน้ำในปีหน้าจะมีมากน้อยเพียงใด
3.พื้นที่รับน้ำ หรือพื้นที่หน่วงน้ำ จะต้องมีการศึกษา กำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำว่า พื้นที่บริเวณใดจะเป็นพื้นที่รับน้ำ หรือแก้มลิง ขณะเดียวกันต้องมีแนวทางช่วยเหลือและชดเชย แม้ว่าในปัจจุบันเรื่องฝนแล้ง หรือน้ำท่วมนั้น รัฐบาลจะมีการเยียวยาการชดเชย สำหรับพื้นที่เกษตรกรรรมอยู่แล้ว แต่หากมีความชัดเจนว่า พื้นที่ใดต้องได้รับผลกระทบจากแนวทางดังกล่าว ก็จะวางนโยบายชดเชยล่วงหน้าไว้เลย
4.แผนพัฒนาพื้นที่เฉพาะ แบ่งเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่ชุมชน และพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะต้องมีการวางแผนเป็นการเฉพาะและให้ครบวงจร ทั้งเรื่องการรับน้ำ พร่องน้ำให้ออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด รวมถึงเรื่องของระบบป้องกัน ผังเมืองและการใช้ที่ดิน ซึ่งเรื่องผังเมืองนั้น ต้องมีความชัดเจน ขณะที่ผังเมืองของกรุงเทพมหานครนั้นจะชะลอไว้ก่อน เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องน้ำท่วมเพิ่มเติม
5.องค์กรบริหารจัดการน้ำระยะยาว ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมว่า จะมีรูปแบบและมีวิธีการอย่างไร ขณะเดียวกันคณะกรรมการได้เน้นเรื่องการบริหารจัดการน้ำในภาวะฉุกเฉิน จะมีกลไกบริหารจัดการอย่างไร ที่มีความเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพสามารถตอบสนองและช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งตรงนี้มี พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอยู่แล้วก็นำมาเชื่อมโยงเท่านั้น ทั้งนี้ มีการเสนอว่าในภาวะฉุกเฉิน น่าจะมี single command เพื่อให้มีการสั่งการในลักษณะรวมศูนย์ และมีเอกภาพ โดยมี รัฐมนตรีที่ นายกฯ มอบหมายภารกิจ ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรงทรัพย์ฯ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคณะกรรมการในภาวะฉุกเฉิน เพื่อบูรณาการการสั่งการทั้งหมด
และ 6.แหล่งเงิน ซึ่งจะมาจากที่ใดนั้น ต้องดูในเรื่องขีดความสามารถของงบประมาณส่วนหนึ่ง และเงินนอกงบประมาณอีกส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ต้องรอแผนงานของโครงการที่จะทำในระยะเร่งด่วนในช่วง 6 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยว่าจะมีความต้องการใช้งบฯ มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม แผนงานเร่งด่วนนั้น จะต้องไปตรวจสอบกับโครงการหรือแผนงานที่ผ่านคณะรัฐมนตรีมาแล้ว เพื่อให้ไม่เป็นปัญหา
นายอาคม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คกก. ได้ให้ความชอบในเรื่องการแต่งตั้ง ‘อนุกรรมการฟื้นฟูป่าไม้และต้นน้ำ’ โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานอนุกรรมการ และมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นที่ปรึกษาอนุกรรมการ เนื่องจากเรื่องการฟื้นฟูป่าต้นเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับแผนแม่บทในระยะยาว ที่ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้
เมื่อถามถึงแหล่งเงินว่าจะมาจากที่ใด นายอาคม กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนด ต้องรอความชัดเจนในเรื่องของโครงการและความต้องการใช้งบฯ ก่อน ส่วนจะออกเป็นพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกาหรือไม่นั้น คงต้องไปดูในขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้ง หลังจากหารือกับสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ที่สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ
ส่วนเรื่องพื้นที่รับน้ำนั้น นายอาคม กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่าต้องมีการสำรองพื้นรับน้ำไว้ แต่ขณะนี้มีเพียงข้อเสนอจากการศึกษาของ รศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล ดร.รอยล จิตรดอน และรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ต้องมาสรุปกันอีกครั้ง โดยหลักการคงต้องพิจารณาทั้ง 25 ลุ่มน้ำ แต่จากความสำคัญเร่งด่วน อาจทำให้ต้องพิจารณาแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสาขาอีก 4 สาขาเป็นหลัก ทั้งนี้ การประกาศพื้นที่รับน้ำจะพยายามอิงกฎหมายเดิมให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ นายอาคม กล่าวว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับมาตรเร่งด่วน ช่วง 6 เดือนเพราะฤดูฝนจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม จึงให้ความสำคัญกับโครงการที่กระทรวงต่างๆ เสนอว่า จะปรับปรุงได้ทันเวลาหรือไม่ หากเป็นเรื่องโครงการวิศวกรรมที่ต้องก่อสร้างใหม่ ต้องใช้ระยะเวลาในการออกแบบ มีขั้นตอนในการของบประมาณ แต่ถ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม ที่ต้องซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็นเขื่อน ประตูระบายน้ำ หรือเครื่องสูบน้ำ ก็สามารถทำได้เร็ว
ขณะที่ดร.อานนท์ กล่าวถึงส่วนที่สำคัญของแผนระยะสั้นว่า ใจความหลักของแผนระยะสั้นที่ปรึกษากันในวันนี้ คือ จะทำอย่างไรให้แผนระยะสั้นและแผนระยะยาวมีความสอดคล้องกัน ซึ่งประเด็นที่ให้น้ำหนักเป็นหลัก จึงอยู่ที่แผนระยะสั้นที่จะเร่งดำเนินการภายใน 6 เดือน ส่วนแผนระยะยาว หรือรายละเอียดที่ว่าจะทำอะไรอย่างไร รวมทั้งเรื่องฟลัดเวย์จึงยังไม่มีการพูดถึงในขณะนี้
“เรื่องฟลัดเวย์เป็นเรื่องที่ยาวกว่าจะมาดำเนินการภายใน 6 เดือน ดังนั้น ทั้งการทำฟลัดเวย์หรือแผนจัดการน้ำในภาพใหญ่ผมคิดว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นภาพออกมาได้”
ดร.อานนท์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมมีการพูดถึง การจัดประชุมวิชาการ ซึ่งมีความจำเป็นในการระดมความคิด โดยที่ครั้งนี้ประเทศไทยจะจัดขึ้นเอง เป็น Thailand water international มีลักษณะที่เป็นนานาชาติ แต่ไม่อิงกรอบขององค์กรที่ทำเรื่องนี้อยู่มากนัก จะยังใช้ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศเช่นเดิม และจัดในลักษณะเดิม เพียงแต่จัดการโดยประเทศไทย คาดว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาดจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2555
ส่วนดร.เสรี กล่าวว่า ทางคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด กำลังเร่งทำแผนเชิงปฏิบัติมานำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าแผนที่ออกมาเป็นแผนที่ทำได้จริงและมีประสิทธิภาพ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญ จนออกมาเป็นแผนอย่างละเอียด
ดร.เสรี กล่าวต่อว่า สาระหลักๆ ของแผนเชิงปฏิบัติ คือ ต้องลดยอดน้ำก่อนที่จะเข้ามากรุงเทพฯและปริมณฑลให้ได้ โดยกำลังคิดวิธีการอยู่ว่าจะทำอย่างไร ส่วนการบริหารจัดการได้แบ่งออกเป็นเรื่องโครงสร้างและไม่ใช่โครงสร้าง ที่นายกฯ ให้ความสำคัญว่าต่อจากนี้ไปจะต้องมีกลไกบริหารจัดการที่เป็นไปตามกฎหมาย
“กลไกการบริหารจัดการจะรวมทั้งหมด เช่น จะเปิดประตูน้ำที่ใด และเท่าใดจะมีความชัดเจนในการสั่งการ ไม่ต้องมีการรอพิจารณาถึงผลกระทบก่อนจะตัดสินใจซึ่งเป็นขั้นตอนที่กินระยะเวลานาน โดยตั้งเป็นคณะกรรมการที่มีอำนาจตามกฎหมายมาดูแล”
ทั้งนี้ ดร.เสรี กล่าวด้วยว่า ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้มีข้อเสนอกับที่ประชุมว่าการจัดทำฟลัดเวย์ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำในวาระต่อไป