มาเลย์รวบ 3 คนไทยสงสัยผลิตระเบิดป่วนใต้ ยะลาวิสามัญฯ 2 ศพ
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ตำรวจมาเลย์รวบ 3 คนไทยพร้อมอุปกรณ์ผลิตระเบิดคาบ้านในรัฐกลันตัน เชื่อผลิตบึ้มส่งชายแดนใต้ก่อเหตุความไม่สงบ เผยใช้ชีวิตในมาเลย์ กลางวันประกอบอาชีพประมง ด้านกองกำลัง 3 ฝ่ายยะลา วิสามัญฆาตกรรมกลุ่มผู้ต้องสงสัยป่วนใต้เสียชีวิต 2 ศพ หนึ่งในนั้นคือ "บุครี กะลาตัน" มีหมายจับคดีความมั่นคง 5 หมาย ส่วนที่ปัตตานีสุดโหดใช้ของมีคมฟันศีรษะสาวใหญ่ลูกจ้าง 4,500 ยิงลูกจ้างศูนย์ประมง-อดีต อส.
หนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ ของมาเลเซีย รายงานเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2552 ว่า ตำรวจมาเลเซียในรัฐกลันตันได้ควบคุมตัวชายไทย 3 คนซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ผลิตระเบิดแสวงเครื่อง และกำลังถูกสอบสวนว่าชายกลุ่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อเหตุรุนแรงหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยหรือไม่
รายงานข่าวอ้างคำพูดของตำรวจนายหนึ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ระบุว่า ตำรวจได้เข้าจับกุมชายทั้ง 3 คนได้ที่บ้านหลังหนึ่งในรัฐกลันตัน ทางตอนเหนือของมาเลเซีย ติดกับพรมแดนจังหวัดนราธิวาสของไทย พร้อมยึดอุปกรณ์ที่เชื่อว่าจะนำไปผลิตระเบิด แต่ไม่ยอมเผยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยกล่าวแต่เพียงว่า กำลังอยู่ระหว่างสอบสวน และไม่แน่ชัดว่าเหตุใดทางการจึงพบชายกลุ่มนี้ซึ่งเช่าบ้านอยู่ด้วยกันในช่วงปีที่ผ่านมา และในเวลากลางวันจะทำงานเป็นชาวประมง
หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ ยังรายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหลายคนที่ระบุว่า พบระเบิดแสวงเครื่องหลายลูก รวมทั้งอุปกรณ์และปุ๋ยเคมีในบ้านหลังดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่มาเลเซียเชื่อว่าชาย 3 คนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มใต้ดินที่ปฏิบัติงานอยู่ในรัฐกลันตัน และคอยจัดส่งระเบิดเข้าไปให้พวกที่ก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทย
ยะลาวิสามัญฯกลุ่มต้องสงสัยป่วนใต้ 2 ศพ
เวลา 14.30 น.วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุตำรวจยะลา รับแจ้งมีเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มคนร้าย บริเวณขนำในสวนยางพาราภายในหมู่บ้านโต๊ะนิ หมู่ 4 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นเนินเขาในสวนยางพารา หลังบ้านของ นางมือเซ๊าะ ลอนิอิ อายุ 90 ปี เลขที่ 93/1 พบศพ นายบุครี กะลาตัน อายุราว 28–30 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่บ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ 6 ต.ยุโป สภาพศพถูกยิงที่แขน ลำตัว และใบหน้า เสียชีวิตอยู่ในป่ายาง ข้างตัวมีอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อบาเร็ตต้า ขนาด 9 ม.ม. หมายเลขปืน BAB 92 FS สภาพใหม่ มีร่องรอยเขม่าดินปืน ตกอยู่ 1 กระบอก ห่างกันประมาณ 10 เมตร พบศพชายวันรุ่นยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25-30 ปี สภาพศพถูกยิงที่บริเวณแขน ลำตัว และใบหน้าเช่นกัน ข้างตัวมีปืนเอ็ม 16 เอ 1 ตกอยู่ 1 กระบอก สภาพพร้อมใช้งาน ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 และ ขนาด 9 ม.ม.จำนวนมาก
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าไปตรวจสอบที่ขนำดังกล่าว หลังได้รับเบาะแสว่ามีกลุ่มคนแปลกหน้าพร้อมอาวุธเข้าไปในหมู่บ้าน จึงเข้าไปปิดล้อมตรวจค้น และกลุ่มคนที่อยู่ในขนำไม่น้อยกว่า 5 คน ได้ใช้อาวุธสงครามและปืนพกสั้นยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี จนเกิดการยิงปะทะกันนานประมาณ 15 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่และพบศพ นายบุครี กับชายวัยรุ่นดังกล่าว ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เหลือหลบหนีไปได้
สำหรับ นายบุครี กะลาตัน จากการตรวจสอบประวัติโดยฝ่ายความมั่นคง พบว่ามีหมายจับ ป.วิอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ของ สภ.เมืองยะลา จำนวน 5 คดี เป็นคดีลอบยิงชาวบ้าน 2 คดี และลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา อีก 3 คดี ล่าสุดกำลังทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง กำลังติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เหลือ โดยคาดว่าบางคนน่าจะได้รับบาดเจ็บ
ปัตตานีระอุฟันศีรษะสาวใหญ่ลูกจ้าง 4,500
สถานการณ์ความไม่สงบในวันจันทร์ที่ 14 ธ.ค. ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ โดยเมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.อ.วสุพล บาลี ผู้กำกับการ สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกของมีคมฟันเสียชีวิตอยู่ในป่ายางพารา ท้องที่บ้านตะโล๊ะโต๊ะโน หมู่ 6 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ห่างจากฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15313 ประมาณ 3 กิโลเมตร จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบศพ นางฮามีเดาะ วาโด อายุ 37 ปี ลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาท ปฏิบัติหน้าที่ชุดรักษาความสงบในหมู่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง สภาพศพถูกของมีคมฟันบริเวณศีรษะ เสียชีวิตคาที่
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกำลังเดินทางไปกรีดยาง ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้ของมีคมฟันบริเวณศีรษะและใบหน้าจนเสียชีวิต จากนะนได้ขโมยรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์หรือเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงลูกจ้างศูนย์ประมง-อดีต อส.ปัตตานี
เวลา 11.30 น. พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมฆ ผู้กำกับการ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านบาซาเอ หมู่ 4 ต.ปิตูมูดี อ.ยะรัง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ธ 8638 ยะลา ล้มคว่ำอยู่ข้างถนน ส่วนผู้บาดเจ็บมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ทราบชื่อคือ นายทิน สิงหพล อายุ 50 ปี เป็นลูกจ้างศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี แต่ภายหลังทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายทิน กำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตลาดมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยมีภรรยานั่งซ้อนท้ายมาด้วย ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. กระสุนถูกที่ศีรษะนายทิน ทำให้เสียชีวิต ส่วนภรรยาปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 13.00 น. คนร้ายซึ่งมีรถจักรยานยนต์และรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายมะ สามา อายุ 58 ปี อดีตอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จ.ปัตตานี ปัจจุบันประกอบอาชีพช่างไม้ เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 77 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะนั่งรอตัดผม เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัว หรือเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ขึ้นเขาหาหมูป่าเจออาร์เคเคยิงดับ
เวลา 16.10 น.วันเดียวกัน ร.ต.อ.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่บนสันเขาไอยากา หลังหมู่บ้านบาโงกูโบ หมู่ 6 ต.บองอ อ.ระแงะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากถนนถึง 3 กิโลเมตร ต้องเดินเท้าเข้าไปอย่างยากลำบาก เมื่อไปถึงพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 กระจายเกลื่อน และพบศพ นายไพบูลย์ ไตรรัตน์ อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีป่าไผ่ อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านป่าไผ่ หมู่ 5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าที่กลางหลังทะลุหน้าอก 1 นัด ที่ ขา 1 นัด เสียชีวิตคาที่
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายไพบูลย์ พร้อมกับเพื่อนอีก 9 คน ได้พากันขึ้นไปบนเทือกเขาไอยากาเพื่อหาหมูป่า แต่ปรากฏว่าไปพบกับกลุ่มอาร์เคเค (กลุ่มวัยรุ่นที่ได้รับการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ประมาณ 5-7 คน ขณะกำลังซ่อนตัวจากเจ้าหน้าที่อยู่บนภูเขา เมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเห็นนายไพบูลย์ จึงใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่จนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนของนายไพบูลย์ ได้ใช้อาวุธปืนที่พกพาไปด้วยยิงตอบโต้ ทำให้กลุ่มอาร์เคเคล่าถอยลงจากเขาเข้าไปในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส