รู้จักวันปีใหม่อิสลาม...อัตลักษณ์อันงดงามที่ชายแดนใต้
แวลีเมาะ ปูซู
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
เมื่อโลกเล็กลงเพราะเชื่อมโยงถึงกันด้วยเทคโนโลยี ทำให้วัฒนธรรม คติความเชื่อ และค่านิยมบางอย่างถูกกลบมิดด้วยกระแสตะวันตกที่ยึดครองโลกผ่านสื่อ ดังเช่นวันปีใหม่ที่นับกันแบบสากลนิยมคือ วันที่ 1 มกราคม ทั้งๆ ที่ในหลายหมู่ชนไม่ได้ยึดถือเช่นนั้น
อาทิ ในคติความเชื่อแบบไทย ก็มีวันปีใหม่ของตนเอง คือวันที่ 13 เมษายน ขณะที่อิสลามก็มีปีใหม่ของตนเช่นเดียวกัน คือวันที่ 1 เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกตามปฏิทินอิสลาม
ทั้งนี้ การกำหนดให้เดือนมุฮัรรอมเป็นเดือนที่ 1 ตามปฏิทินอิสลาม เกิดขึ้นในสมัยของท่านคอลีฟะห์ที่สองแห่งอาณาจักรอิสลาม (อุมัร บิน คอตต๊อบ) เนื่องจากเดือนมุฮัรรอมเป็นเดือนที่มีวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันที่ท่านนบีมูฮัมมัดพร้อมกับเหล่าผู้ศรัทธาอพยพจากนครมักกะฮ์สู่มะดีนะฮ์ เป็นต้น
เป้าหมายของการขึ้นปีใหม่แบบอิสลาม ถือว่าเป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลง ทบทวนชีวิตเพื่อพัฒนาต่อไป ให้รีบเร่งกระทำความดีและกลับเนื้อกลับตัวสู่หนทางที่ดีงาม อย่าประมาทในการใช้ชีวิต เพราะชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้เป็นเพียงการทดสอบ ไม่จีรังยั่งยืน และมนุษย์จะอยู่ในโลกนี้ได้เพียงไม่กี่หมื่นวันเท่านั้นเอง
สำหรับวันที่ 1 เดือนมุฮัรรอม หรือเดือนแรกของปฏิทินอิสลามในปีใหม่นี้ (ฮิจเราะห์ศักราชที่ 1431) ตรงกับวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2552
ที่ศูนย์การศึกษาอิสลาม (ตาดีกา) ฮีดายาตุลอิสลาม บ้านบินยาลีมอ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี มีการจัดงานปีใหม่แบบอิสลามให้กับเด็กนักเรียน โดยมีพ่อ แม่ ญาติพี่น้องมาให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น
มูฮัมมัดสะแปอิง บาบูมาเร๊าะ โต๊ะอิหม่ามบ้านบินยาลีมอ เล่าถึงการจัดกิจกรรมวันปีใหม่ของอิสลามว่า เนื่องจากในพื้นที่ไม่ค่อยมีองค์กรไหนจัด ขาดการประชาสัมพันธ์ ทำให้เด็กๆ ไม่รู้ว่าอิสลามก็มีวันปีใหม่เช่นเดียวกับวันปีใหม่ไทยและวันปีใหม่ในแบบสากลนิยม
"วันรายอ (วันเฉลิมฉลองหลังผ่านเดือนแห่งการถือศีลอด) เด็กเขามีแรงกระตุ้นกันอยู่แล้ว เพราะเขารู้ว่าเป็นสำคัญของอิสลาม ขณะที่ช่วงระยะเวลาระหว่างวันรายอกับวันปีใหม่ของอิสลามไม่ห่างกันนัก เราเลยงดจัดกิจกรรมวันรายอ แต่มาจัดเอาวันปีใหม่ของอิสลามแทน ซึ่งเราทำมาอย่างนี้ 2 ปีแล้ว”
สำหรับกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก มีทั้งการประกวดอ่านข่าว ขับร้องอานาซีด แสดงตลก แสดงละคร เล่นเกม โดยเน้นให้เด็กๆ ได้แสดงออก ซึ่ง มูฮัมมัดสะแปอิง บอกว่า ปีหน้าตั้งใจจะจัดให้ใหญ่กว่านี้ โดยจะเชิญโรงเรียนตาดีกาทุกโรงใน อ.ยะรัง มาร่วมด้วย
นอกจากความสนุกสนานร่าเริงที่เด็กๆ กับผู้ปกครองได้รับร่วมกันในกิจกรรมวันปีใหม่ของอิสลามแล้ว สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือการสอดแทรกความรู้ให้เด็กๆ รู้จักวันสำคัญทางศาสนาอีก 1 วัน และความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชน
“เวลาจัดงาน ชาวบ้านก็จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดความสามัคคี ในส่วนของผู้ใหญ่เราก็จัดให้มีการกวนขนมอาซูรอถึง 9 กะทะ (ขนมพื้นเมืองชนิดหนึ่ง นิยมทำกันในเดือนแรกของปฏิทินอิสลาม) กะทะหนึ่งใช้เวลากวน 3 ชั่วโมงกว่า มีอะไรก็จะได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน”
“ถ้าเราให้ความสำคัญกับวันต่างๆ ของอิสลาม ผมเชื่อว่าปีหน้าเด็กก็จะถามว่าจะจัดอีกเมื่อไหร่ สิ่งนี้มันเป็นตัวกระตุ้น บ่งบอกให้พวกเขารู้ว่าอิสลามมีวันสำคัญเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นเด็กๆ จะได้รู้ว่าปีใหม่ในอิสลามไม่ใช่การเฉลิมฉลองวันแห่งความสุข แต่เป็นการเตือนถึงเป้าหมายการใช้ชีวิตในอนาคต และกระตุ้นให้เราคิดว่าวันที่ผ่านมานั้นก็มีค่าเท่ากับวันใหม่ที่จะมาถึง ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันขึ้นปีใหม่หรือวันส่งท้ายปีเก่าก็ตาม” โต๊ะอิหม่ามแห่งบ้านบียาลีมอ ระบุ
เด็กหญิงนาเดีย แมโกงสะดี อายุ 12 ปี เผยความรู้สึกที่ได้ร่วมกิจกรรมอันสนุกสนานว่า ประทับใจกับกิจกรรมวันปีใหม่ของอิสลามมาก เพราะปีหนึ่งมีแค่หนเดียว นอกจากความสนุกสนานที่ได้รับแล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงความสามัคคี ความรักระหว่างเพื่อน และความปรองดองในชุมชนด้วย
ขณะที่ อิบรอเฮ็ม อีแต หรือ “แบเฮง” ชาวบ้านบินยาลีมอ กล่าวว่า กิจกรรมกวนขนมอาซูรอเป็นสิ่งที่ดี รู้สึกดีมากที่มีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพราะหลายคนมองว่า อ.ยะรัง เป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อย ทั้งๆ ที่ระยะหลังก็ดีขึ้นเยอะแล้ว จุดเกิดเหตุส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่รอบนอกมากกว่า
“นานๆ ทีที่ทุกคนจะมาร่วมสังสรรค์กันอย่างนี้ เห็นลูกๆ หลานๆ มีความสุขกับกิจกรรมวันปีใหม่ของอิสลาม เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ขอให้ทุกคนสุขสันต์กับวันปีใหม่ ที่ผ่านมาทุกๆ ปีก็ได้แต่ขอพรให้ภาคใต้สงบ ปีใหม่ปีนี้ก็คงขอพรแบบเดิม” แบเฮง กล่าว
ด้านความรู้สึกของทหารหนุ่มจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 ซึ่งไปร่วมสังเกตการณ์งานปีใหม่อันครึกครื้น เขาเอ่ยติดตลกว่า “เป็นบรรยากาศปีใหม่ที่แปลกดี ทั้งกิจกรรมบนเวทีของเด็กๆ และกลุ่มผู้ใหญ่ที่ขะมักเขม้นช่วยกันกวนขนมอาซูรอ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
เป็นบรรยากาศที่เรียกรอยยิ้มได้จากทุกคนจริงๆ และหวังว่าคำอธิษฐานของ “แบเฮง” จะเป็นจริงในปีนี้เสียที...