รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่อง การกำกับดูแลเนื้อหาของสื่อวิทยุและ โทรทัศน์ในประเทศไทย โดย พิรงรอง รามสูต รณะนันทน์ และศศิธร ยุวโกศล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (กันยายน 2546)
รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์
เรื่อง การกำกับดูแลเนื้อหาของสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในประเทศไทย
(โครงการ ”การปฏิรูประบบสื่อ:การกำกับดูแลเนื้อหาโดยรัฐ การกำกับดูแลตนเอง และสื่อภาคประชาชน”)
โดย พิรงรอง รามสูต รณะนันทน์ และศศิธร ยุวโกศล
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กันยายน 2546
บทคัดย่อ
รายงานวิจัยเรื่องการกำกับดูแลเนื้อหาของสื่อวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทยฉบับนี้จัดทำขึ้น เพื่อมุ่งหาแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลเนื้อหาของสื่อโดยรัฐและองค์กรวิชาชีพ โดยใช้แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับเนื้อหาของสื่อและสาธารณประโยชน์ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมือง และมิติในการกำกับดูแลเนื้อหาของ Independent Television Commission (ITC) ของประเทศอังกฤษเป็นแนวทางและกรอบในการศึกษาและวิเคราะห์ ซึ่งภาพรวมของการศึกษาจะเริ่มต้นด้วยมิติทางประวัติศาสตร์ของการกำกับดูแลเนื้อหาในประเทศไทยอันแสดงถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างกระบวนการกำกับดูแลที่เป็นมาในอดีตกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งผูกพันอยู่กับการเป็นเจ้าของของรัฐ และจุดเปลี่ยนในยุคแห่งการปฏิรูปสื่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญหลายประการต่อโครงสร้างและสาระของระบบวิทยุและโทรทัศน์ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงรูปแบบการกำกับดูแลเนื้อหาต่อมาด้วย
นอกเหนือจากมิติทางประวัติศาสตร์แล้ว การศึกษานี้ยังนำเสนอถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทั้งในเชิงโครงสร้างและสาระในการกำกับดูแลเนื้อหาสื่อวิทยุโทรทัศน์ โดยแบ่งการวิเคราะห์เนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ เนื้อหาประเภทรายการ และเนื้อหาประเภทโฆษณา โดยการศึกษาในส่วนนี้จะพิจารณาถึงทั้งการกำกับดูแลที่เป็นมาตรการและกระบวนการตรวจสอบจากภาครัฐ ซึ่งรวมไปถึงคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) กองงานกกช. ในกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ รวมถึงการกำกับดูแลที่มาจากภาคอุตสาหกรรมสื่อที่เป็นเอกชน ได้แก่ อุตสาหกรรมสื่อทางด้านข่าวสาร อุตสาหกรรมสื่อทางด้านบันเทิง อุตสาหกรรมโฆษณา ตลอดจนกลไกการตรวจสอบและร้องเรียนที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยพิจารณาจากการประกอบกิจการ 3 ประเภท คือ วิทยุ โทรทัศน์พื้นฐาน (ฟรีทีวี) และโทรทัศน์บอกรับสมาชิก หลังจากประมวลภาพรวมของการกำกับดูแลที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแล้ว จะเป็นการ
วิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในเนื้อหาที่พบจากประสบการณ์ในการกำกับดูแล และปัญหาในกระบวนการกำกับดูแลเองว่ามีข้อจำกัดหรืออุปสรรคด้านใดบ้าง หลังจากนั้นจะเป็นบทวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์อันจะเป็นบทบัญญัติทางกฎหมายสำหรับการกำกับดูแลเนื้อหาภายใต้โครงสร้างใหม่ คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ท้ายที่สุดจะเป็นการนำเสนอแนวทางนโยบายเกี่ยวกับรูปแบบการกำกับดูแลของเนื้อหาที่น่าจะอยู่ในดุลพินิจสำหรับสังคมไทยในยุคแห่งการปฏิรูปสื่อ
สำหรับข้อเสนอแนะและแนวทางนโยบายสำหรับการกำกับดูแลเนื้อหาสื่อวิทยุโทรทัศน์แบ่งออกได้เป็นประเด็นต่างๆ ได้แก่ วัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลเนื้อหาทางสื่อวิทยุโทรทัศน์ควรปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวทางสังคมที่เปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นที่เสรีภาพในการแสดงออก การรับรู้ข่าวสาร สิทธิส่วนบุคคล และมาตรฐานของเนื้อหา ส่วนรูปแบบของกลไกการกำกับดูแลในอนาคตจำเป็นต้องใช้การผสมผสานกันระหว่างการออกกฎหมายและการลงโทษ กับการให้เป้าประสงค์และแรงจูงใจสำหรับผู้ประกอบกิจการในกิจการทั้ง 3 ประเภท อันได้แก่ รัฐ พาณิชย์ และประชาชน สำหรับการกำกับดูแลมาตรฐานของเนื้อหาเหมาะกับสังคมไทยทำได้หลายแนวทาง โดยแบ่งเป็นส่วนของการพัฒนาระบบแบ่งประเภทเนื้อหาด้วยวิธีต่างๆ ดังที่นำเสนออย่างละเอียดไว้ในรายงาน และส่วนของการกำกับดูแลร่วมกับผู้ประกอบการและนักวิชาชีพในอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์ผ่านการกำกับดูแลตนเองในแต่ละอุตสาหกรรมสื่อ สุดท้ายคือเรื่องของความโปร่งใสของการกำกับดูแล ปัญหาสำคัญประการหนึ่งของ กกช. คือ ลักษณะการกำกับดูแลที่ขาดความเป็นอิสระ และมีข้อจำกัดด้านอำนาจ ราชการ ซึ่งแนวทางแก้ไขคือ กสช. ที่จะตั้งขึ้นในอนาคตควรมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวร้องเรียน การพิจารณาตรวจสอบ รวมไปถึงการลงโทษในลักษณะต่างๆ ผ่านการตีพิมพ์หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบเป็นการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของการกำกับดูแลสื่อ