จำนำข้าว-คูปองน้ำท่วม เปิดช่องโกง “อภิสิทธิ์” แนะออกแบบนโยบาย ไม่เป็นมิตรต่อคอร์รัปชั่น
"ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" ชู คอร์รัปชั่น นโยบายหลักรัฐบาล ประกาศเสียงแข็งไม่ปล่อยให้มีการทำธุรกิจสีเทา ใช้อำนาจรัฐ บั่นทอนการพัฒนาเศรษฐกิจไทย พร้อมรับปากให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. อย่างเต็มที่
วันที่ 11 ธันวาคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) จัดการประชุมนานาชาติ ในหัวข้อ “The Second Conference in Evidence-Based Anti Corruption Policies” ระหว่างวันที่11-12 มกราคม พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเปิดการประชุมถึงปัญหาการคอร์รัปชั่นหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น เป็นโรคร้ายในสังคม ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกมีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกับประเทศไทย ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการเพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีความชัดเจนว่าสำเร็จหรือไม่ แต่ก็ได้มีความพยายามในการปรับปรุงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขบวนการประชาธิปไตยอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จในการต่อต้านคอร์รัปชั่นได้
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.พยายามต่อต้านคอรัปชั่นทุกระดับ โดยไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง พิสูจน์จากปีที่ผ่านมา ป.ปช. ได้ดำเนินหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการระดับสูง รวมถึงนักการเมืองของทั้ง 2 พรรคใหญ่ ขณะที่การสืบสวนนั้น ป.ปช.ได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง คำนึงถึงผลกระทบต่างๆ ในเชิงลบ
“การดำเนินการต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องยาก ท้าทาย อีกทั้ง ป.ป.ช. ยังถูกจับตามองจากสาธารณะชนตลอดเวลา จึงต้องทำงานด้วยความสัตย์ซื่อ เพื่อความไว้วางใจจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ป.ป.ช. ได้มีการศึกษาวิจัยทั้งด้านกฎหมายเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเกิดคอร์รัปชั่น สำหรับเป็นแหล่งข้อมูลให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้เป็นฐานข้อมูลในการออกระเบียบแบบแผน การดำเนินการต่างๆ เพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่น”นายปานเทพ กล่าว และว่า การต่อต้านคอร์รัปชั่นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน เอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม ทั้งนี้ อยากขอขอบคุณนายดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชั่น
คอร์รัปชั่นภัยคุกคาม ศก.ไทย
ขณะที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล เป็นภัยคุกคามการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย และต่อไปเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมาตรการฐานด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล ยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติ ดังนั้น เราไม่อาจปล่อยให้มีการทำธุรกิจสีเทา ใช้อำนาจรัฐใดๆ เพื่อบั่นทอนการพัฒนาเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้
“รัฐบาลพยายามดำเนินการต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างปราศจากอคติ มีความตั้งใจ และจะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. อย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินตามระเบียบของ ป.ป.ช. ส่วนในระดับสากลนั้น รัฐบาลจะปฏิบัติตาม พันธกรณีทั้งปวงที่ได้มีการลงนามในอนุสัญญาต่างๆ ไว้ นอกจากนี้จะเสริมสร้างการมีส่วนรวมของผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งนี้ เพื่อนำมาซึ่งความโปร่งใส จริยธรรม ธรรมาภิบาล ซึ่งจะทำให้ประเทศน่าอยู่ต่อไป สำหรับเยาวชนรุ่นหลัง”
อภิสิทธิ์ ห่วงงบฯ ฟื้นฟูประเทศ ไม่โปร่งใส
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์คอร์รัปชั่นของประเทศไทยในรอบ 10 ปีว่า มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ก็ยังต้องต่อสู้ต่อไป อย่างเช่น การใช้งบประมาณในการฟื้นฟูประเทศจากปัญหาอุทกภัยครั้งนี้ หลายฝ่ายก็มีความกังวลในเรื่องความโปร่งใส หรือเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเรื่องธรรมาภิบาลก็เป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันประชาชนยังมีความรู้สึกที่ขัดแย้งต่อการคอร์รัปชั่น บางส่วนมองว่า การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาและเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ขณะที่บางส่วนกลับยอมรับการคอร์รัปชั่นได้ หากประเทศได้ประโยชน์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการคอร์รัปชั่นในปัจจุบันว่า มีความรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น จากการคอร์รัปชั่น การขโมยเงินรัฐ กลายเป็นการคอร์รัปชั่นในระดับนโยบายไปถึงขั้นตอนการปฏิบัติ อย่างเช่น การจำนำข้าว เป็นนโยบายที่เปิดช่องให้เกิดการคอร์รัปชั่น ตั้งแต่ขั้นตอนการรับซื้อ การประมูล หรือกรณีแจกคูปองน้ำท่วมก็เปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชั่นเช่นกัน ฉะนั้น การเพ่งพินิจในเรื่องการออกแบบนโยบายว่า เป็นมิตรต่อการคอร์รัปชั่นหรือไม่นั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้การต่อสู้คอร์รัปชั่นทำได้สำเร็จ
“ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐนั้น ที่ผ่านมาพบมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น แต่ต่อจากนี้เมื่อมีการกำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อสะท้อนราคาตลาด ก็จะลดโอกาสในคอร์รัปชั่นลงได้ ขณะที่บทบาทที่ปรึกษาในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐก็มีความสำคัญ เพราะหากมีความเชื่อมโยงกับผู้ร่วมประมูลก็จะก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่นอย่างใหญ่หลวง”
สำหรับการต่อต้านคอร์รัปชั่นนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะภาคเอกชน ภาคประชาสังคม หรือแวดวงวิชาการ เพื่อส่งสัญญาณร่วมกันในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ในขณะที่ประชาชนเริ่มรู้สึกเฉยชา ยอมรับการคอร์รัปชั่นมากขึ้น
'จุรี' ปลุกคนไทยขยะแขยงคอร์รัปชั่น
ส่วน ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการคอรัปชั่นมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสังคม การเมือง เศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของสังคม บั่นทอนสารพัดรูปแบบ
“การต่อสู่กับคอร์รัปชั่นนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ภาคประชาสังคมต้องรังเกียจ ขยะแขยงการคอร์รัปชั่นด้วย ขณะที่กฎหมายก็มีความสำคัญต่อการต้านคอร์รัปชั่น แต่น่าเสียใจที่ประเทศไทยสามารถทนทานต่อการคอร์รัปชั่นได้ หากผู้นำมีผลงาน ทำให้แมวต้องวิ่งไล่จับหนู ต้องตามจับการคอร์รัปชั่นที่มีวิธีการ หน้าตาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
