“บุญทรง”ยัน เดินหน้าจำนำข้าวนาปรัง 1 มี.ค. หวั่นผู้ปลูก-ผู้ค้าสับสน หากไม่สานนโยบายต่อ

รมว.พาณิชย์ ระบุ รัฐเร่งผลักดันราคาส่งออกข้าวให้เหมาะสม วางแผนโรดโชว์ บุกตลาดข้าวแอฟริกา ขณะที่ “สุเมธ” แจง นโยบายจำนำ ช่วยประเทศส่งออกข้าวได้อานิสงส์ หยุดความเดือดร้อนชาวนา ชี้ประหยัดงบฯ มากกว่าประกันรายได้
วันที่ 27 มกราคม ที่กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภายหลังการประชุมทิศทางและนโยบายข้าวไทย ปี 2555 ร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมข้าว อาทิ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมข้าวไทย ผู้ประกอบการส่งออก ว่า จากการรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในเบื้องต้นทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะร่วมผลักดัน ยกระดับราคาข้าวส่งออกในฤดูกาลนี้และต่อไปให้มีราคาที่สมดุล เป็นไปในลักษณะ win-win ขณะเดียวกันเห็นว่า น่าจะมีการจัดแบ่งประเภทชั้นของข้าวให้มีมากขึ้น อาจกำหนดเพิ่มเป็น 2-3 มาตรฐานในข้าวชนิดเดียวกัน เพื่อเป็นตัวเลือกในการกำหนดราคา สามารถสู้กับข้าวในประเทศคู่แข่งได้
“ข้าวในประเทศคู่แข่งนั้น คุณภาพไม่สามารถสู้กับข้าวหอมมะลิไทยได้ แต่กลับถูกนำไปข้าวในราคาเดียวกัน เพราะฉะนั้นในระยะยาว อาจต้องมีการกำหนดมาตรฐานขึ้นใหม่ ขณะที่ในระยะปานกลาง จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารของรัฐเข้ามาช่วยในการให้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ส่วนในระยะปัจจุบัน ผู้ประกอบการและภาครัฐ จะพยายามผลักดันราคาส่งออกให้เหมาะสม ไม่ให้ราคาต่ำจนเกินไป เพื่อจะได้ไม่ทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งต้องแบกรับภาระขาดทุน” รมว.พาณิชย์ กล่าว และว่า นอกจากนี้ จะใช้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยพยุงราคาส่งออก โดยกรมส่งเสริมการส่งออก กรมการค้าต่างประเทศจะสร้างตลาดใหม่ให้กับข้าวไทย เช่น การบุกตลาดแอฟริกา
ในส่วนนโยบายรับจำนำข้าวนั้น นายบุญทรง กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการรับจำนำข้าวนาปี ซึ่งขณะนี้มีผู้นำข้าวมาจำนำแล้วประมาณ 6 ล้านตันจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10 ล้านตัน จนจบสิ้นกระบวนการในเดือนกุมภาพันธ์ตามที่ได้ประกาศเอาไว้
"สำหรับข้าวนาปรังนั้น รัฐบาลมีความเป็นห่วง หากกระบวนการมีช่องว่างจะทำให้ผู้ปลูก ผู้ค้า เกิดความสับสน ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมจะเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ โดยจะมีการรับจำนำข้าวทุกเม็ดเช่นเดิม แต่ราคาจะเป็นเท่าใดนั้น คงต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาไม่น่าจะต่ำกว่าที่ดำเนินการอยู่ในฤดูกาลปัจจุบัน"
ยรรยง บอกไม่เคยได้ยิน ใครบอกจำนำข้าวไม่ดี
ขณะที่นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นใครบอกว่าโครงการรับจำนำไม่ดี การที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการรับจำนำทำให้มีผลต่อตลาด ราคาข้าว ซึ่งหากเทียบราคาข้าวในช่วงสูงสุด ต่ำสุดของนโยบายประกันรายได้และรับจำนำ พบว่า ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ราคาส่งออกสูงสุด ภายใต้นโยบายรับจำนำมีราคาอยู่ที่ 1,208 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาสูงสุด ภายใต้นโยบายประกันรายได้อยู่ที่ 1,143 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาต่ำสุดนั้น นโยบายรับจำนำมีราคาอยู่ 1,043 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาประกันอยู่ที่ 951 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ราคาส่งออกสูงสุด ภายใต้นโยบายรับจำนำมีราคาอยู่ที่ 663 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาสูงสุด ภายใต้นโยบายประกันรายได้อยู่ที่ 638 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาต่ำสุด นโยบายรับจำนำมีราคาอยู่ 546 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาประกันอยู่ที่ 458 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ข้าวขาว 5% ราคาส่งออกสูงสุด ภายใต้นโยบายจำนำมีราคาอยู่ที่ 647 เหรียญต่อตัน ขณะที่ราคาสูงสุด ภายใต้นโยบายประกันอยู่ที่ 607 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาต่ำสุด นโยบายรับจำนำมีราคาอยู่ที่ 529 เหรียญสหรัฐต่อตัน นโยบายประกันรายได้อยู่ที่ 432 เหรียญสหรัฐต่อตัน
“แม้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า นโยบายรับจำนำ ทำให้ข้าวราคาขายตกต่ำ แต่เมื่อเทียบราคาเป็นช่วงๆ ดังกล่าว จะพบว่า การรับจำนำ มีผลต่อราคาตลาด ทำให้ข้าวมีราคาดีขึ้น รัฐบาลจึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ราคาข้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่เหมาะสม” นายยรรยง กล่าว และว่า ขณะนี้ข้าวของไทยที่มีอยู่ในสต๊อก เมื่อรวมกับข้าวจากโครงการรับจำนำมีปริมาณน้อยกว่าที่สหรัฐอเมริกาคาดการณ์ไว้มาก การดึงราคาข้าวให้สูงจึงไม่ใช่เรื่องยาก และเชื่อว่าข้าวไทยปีนี้จะมีราคาเกิน 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นอกจากนี้ นายยรรยง ยังกล่าวถึงความเห็นของที่ประชุมในเรื่องการทำตลาดช่วงต่อไปว่า ตลาดที่มีการประมูล อาจจะใช้วิธีการรวมตัวกันของภาคเอกชน เนื่องจากประเทศที่ประมูลส่วนใหญ่เน้นที่ราคาต่ำ วิธีที่ภาคเอกชนไปประมูลอาจทำให้แพ้กันง่ายๆ ส่วนประเทศที่ใช้ตลาดทั่วไป อาจจะเน้นที่คุณภาพมาตรฐาน ดังนั้น อาจต้องมีการแยกประเภทข้าวตามเกรดมากขึ้น รวมถึงมีการจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพข้าวไทย และเป็นการขยายตลาดการส่งออก
รับจำนำรบ.มีพันธะ แต่ก็ได้ช่อดอกไม้
นายสุเมธ เหล่าโมราพร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า หากฤดูกาลนี้รัฐบาลไม่ได้ใช้โครงการรับจำนำ และเปลี่ยนไปใช้การประกันรายได้ ในขณะที่อินเดียส่งออกข้าวขาว ข้าวนึ่ง ปริมาณ 2-3 ล้านต้นในราคาถูก 420 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาข้าวไทยจะล่วงในระดับที่ราคาต่ำกว่า 400 เหรียญสหรัฐฯ แน่นอน และหากราคาอยู่ที่ประมาณ 380 เหรียญสหรัฐฯ ราคาข้าวนึ่งจะอยู่ที่ 12 บาท นั่นแปลว่าราคาข้าวเปลือกจะอยู่ที่ 6,500 -7,000 ถามว่า ถ้าตั้งราคาประกันไว้ที่ 15,000 บาทและขายในราคาดังกล่าว เราต้องจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรจากภาษีประชาชนเกือบ 8,000 บาท ซึ่งจะเป็นเงินจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ เมื่อข้าวไทยลงผู้ซื้อในต่างประเทศ จะใช้ราคาข้าวไทยไปกดราคาข้าวอินเดีย เวียดนาม ปากีสถานอีกด้วย
“แม้โครงการรับจำนำจะทำให้รัฐบาลมีพันธะ แต่ประเทศผู้ส่งออกอื่น ต้องขอบคุณประเทศไทย มอบช่อดอกไม้ให้รัฐบาลไทย เพราะถ้าเราไม่ใช้นโยบายรับจำนำจะเห็นการตัดราคาอย่างมหาศาล เกษตรกรเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะชาวนาไทย อินเดีย เวียดนาม ปากีสถาน หรือแม้กระทั่งพม่า กัมพูชา ขณะที่ผู้นำเข้า นักการค้าจะได้ประโยชน์”
ด้าน นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้ง จำกัด กล่าวว่า โครงการรับจำนำในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ถูกจับตามองในเรื่องการทุจริต ความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการอย่างมาก แต่เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เข้าตรวจสอบทุกๆ 15 วัน ก็ช่วยให้โครงการมีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งในฐานะที่ตนเป็นหนึ่งในโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ยืนยันได้ว่า มีความโปร่งใส 100% แต่ก็มีบางเล็กน้อยในส่วนของเกษตรกรที่พบว่า 2-3% มีการซื้อข้าวจากชาวนาที่เหลือ หรือไม่มีใบรับรองฯ มาเพิ่มสัดส่วนปริมาณข้าวของตนให้เต็มโควตา
ทั้งนี้ นางประพิศ กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการรับจำนำข้าวนั้น มีข้อดีทำให้ข้าวหอมมะลิอีสานเข้าสู่โกดังกลาง ในสภาพที่บริสุทธิ์ ไม่เกิดการปนเปื้อน ผู้ที่ซื้อข้าวจากโกดังกลางจึงมั่นใจได้ว่าได้ข้าวหอมมะลิแท้ๆ
