"อานันท์-นพ.ประเวศ" รับมอบมติจากสมัชชาปฏิรูป
“นพ.ประเวศ” ชี้ไม่หวั่นหากอนาคตข้อเสนอไม่คืบ เชื่อ ปชช. จะลุกฮือกดดันภาคการเมือง ขณะที่ “อานันท์” เผยรัฐได้รับเพียงสำเนา ยังเน้นเป้าหมายหลักที่สังคม ลั่น คปร. เตรียมยื่น “กระจายอำนาจ” อีกฉบับก่อนยุบสภา
วันที่ 26 มี.ค. คณะกรรมการดำเนินการจัดสมัชชาปฏิรูป (คจสป.) แถลงข้อเสนอสมัชชาปฏิรูปประเทศไทยระดับชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2554 ณ อิมแพ็ค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี รวมทั้งสิ้น 9 ประเด็น โดยยื่นให้กับ ศ.นพ.ประเวศ ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) และนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.)
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงฉันทมติที่ได้รับในวันนี้เป็นสิ่งที่ทำงานในระดับพื้นที่มาก่อน โดยผ่านการวิเคราะห์ และสรุปในที่ประชุมต่างๆ เน้นความสมานฉันท์เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่การพูดโจมตีเพื่อเอาชนะเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการดำเนินการต่อจากนี้อยู่ในขั้นตอนกระจายมติให้สังคมได้เรียนรู้ และขับเคลื่อนร่วมกัน โดยในหลายประเด็นนั้นเป็นสิ่งที่ชุมชนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบ ขณะที่บางประเด็นอาจเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป หรือรัฐบาล
“โดยเฉพาะนักการเมืองสามารถนำนโยบายนี้ไปใช้ได้ทันที เนื่องจากมติดังกล่าวผ่านการกลั่นกรองเป็นเสมือนยอดทางปัญญา หากเป็นพรรคการเมืองที่ฉลาดจะหยิบเรื่องนี้ไปทำแล้วจะได้คะแนนเสียงมากขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นกระบวนการสังคมจะเป็นผู้ทวงถามพรรคการเมืองเหล่านั้นเองว่า จะขับเคลื่อนอย่างไร”
ประธาน คสป. กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลไม่นำไปขับเคลื่อน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องวิตกกังวล เนื่องจากพลังประชาชนตื่นตัวกันมาก ดังนั้นหากพลังทางสังคมมีความเข้มแข็ง ตัวนักการเมืองจะต้องเป็นผู้ปรับตัวให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ขณะที่คณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จะทำงานเชื่อมโยงกันให้กระบวนการเคลื่อนตัวไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด โดยประเด็นทั้งหมดจะถูกนำเสนอผ่านการประชุมสมัชชาครั้งต่อไป
“แม้จะมีการกระจายอำนาจไปสู่หน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชนตามข้อบัญญัติกฏหมายรัฐธรรมนูญก็ยังไม่มีความครอบคลุมถึงทุก ภาคส่วนมากนัก ดังนั้นจะต้องมีการปฏิรูปบางสิ่ง เพื่อทำให้อำนาจรัฐไม่ต้องส่งผ่านถึงเพียงแค่เฉพาะองค์กรที่มีการจัดตั้งตาม กฏหมาย แต่จะต้องลงลึกไปถึงชุมชน ประชาชน นั่นคือการลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน”
ประธาน คปร. กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องการเกษตรที่ คปร. ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น ความเป็นจริงมีองค์ประกอบทั้งสิ้น 3 ประเด็น นั่นคือเรื่องของชุมชนการเกษตร และการทำเกษตรกรรม ที่ขณะนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอีกประมาณ 4 – 5 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหมืองแร่ใต้ดิน การศึกษา แรงงาน และคุณภาพชีวิตคนเมือง ซึ่งจะทำออกมาเป็นฉบับรวมประเด็น และนำเสนอต่อสังคมไป
“แม้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองจะไม่นำข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 2 คณะไปขับเคลื่อนต่อ ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำงานที่สูญเปล่า เนื่องจากคณะทำงานมีหลักคิดที่ตรงกันคือ ทำงานเพื่อสังคม และนำเสนอข้อมูลต่อประชาชน ขณะเดียวกันสิ่งที่รัฐบาลได้รับเป็นเพียงสำเนาเท่านั้น”
ทั้งนี้ นายอานันท์ กล่าวถึงเหตุผลของการลาออก ว่า เป็นมติของ คปร. ที่คิดร่วมกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางด้านงบประมาณในการขับเคลื่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำงานดังกล่าวจำเป็นต้องพึ่งรัฐบาลเช่นกัน ขณะที่เรื่องการคิดการตัดสินใจในการทำงานนั้นยังมีอิสระอยู่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวมองว่าการลาออกจากตำแหน่ง เป็นเพียงการเปิดโอกาสให้รัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่ได้ทบทวน และตัดสินใจถึงนโยบายการปฏิรูปว่าจำเป็นต้องมีอยู่หรือไม่
มติสมัชชาปฏิรูป ทั้ง 9 ประเด็น มีดังนี้
1. การจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน มีมติสำคัญคือ กำหนดหลักการสำคัญให้ที่ดินเป็นสมบัติของชาติที่พึงจัดการภายใต้หลักการการ เป็นเจ้าของร่วมระหว่างรัฐ องค์กรชุมชน สาธารณะและปัจเจกบุคคล ให้มีการจำกัดการถือครองที่ดินไม่เกิน50 ไร่ หากเกินกว่านั้นให้มีระบบอัตราภาษีก้าวหน้าที่เหมาะสม ทั้งให้เร่งรัดกลไกและกระบวนการออกโฉนดชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนท้อง ถิ่น
2. การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง มีมติสำคัญคือ ทรัพยากรทะเลและชายฝั่งเป็นทรัพยากรสาธารณะของชาติ ที่ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงโดยชอบ การบริหารจัดการต้องตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการวางแผนและการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ให้จัดทำแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลใหม่โดยการมีส่วนร่วมจากชุมชนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่
3. การคืนความเป็นธรรมกรณีที่ดินและทรัพยากร มีมติให้ดำเนินการเพื่อปฏิรูประบบยุติธรรมที่เกี่ยวกับคดีที่ดินและทรัพยากร รวมทั้งการจัดตั้งศาลคดีเฉพาะและกลไกอิสระที่ชำนาญในกรณีพิพาทที่ดิน การแก้ไขกฎหมายเรื่องกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์และกฎหมาย มติ ครม.ที่เป็นอุปสรรคในการคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยให้ตราพรบ.นิรโทษกรรมผู้ที่บุกรุกป่ากรณีไม่มีที่ดินทำกิน
4. การปฏิรูประบบประกันสังคม มีมติให้มีกลไกการดูแลที่เป็นอิสระ มีระบบการสรรหากรรรมการที่โปร่งใสและมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการเลือกผู้แทนผู้ประกันตนจากผู้ประกันตนโดยตรง ให้มีคณะกรรมการการลงทุนที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และมีคณะกรรมการตรวจสอบที่เป็นอิสระ และให้มีการจัดสมัชชาปฏิรูปเฉพาะประเด็นในเรื่องระบบการประกันสุขภาพของผู้ ประกันตน
5. หลักประกันและการสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ มีมติให้กำหนดวิสัยทัศน์สังคมไทยมีหลักประกันการดำรงชีพในระดับที่พอเพียง และมีระบบสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุ พัฒนารูปแบบและระบบการเงินการคลังเพื่อหลักประกันในยามสูงอายุที่หลากหลาย เร่งรัดการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ และให้มีการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมที่สร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุด้วยรูป แบบหลากหลาย
6. สังคมที่คนไทยอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน มีมติให้จัดทำวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์นโยบาย แผนงาน และกลไกการสร้างสังคมที่คนไทยอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน การตั้งกองทุนพัฒนาศักยภาพกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม โดยปรับสัดส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีกลไกบริหารกองทุนที่เป็นอิสระ โปร่งใส และมีส่วนร่วม รวมทั้งดำเนินการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้และขจัด การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม
7. เรื่องการกระจายอำนาจ มีมติรับรองและให้เร่งดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาศักยภาพการจัดการตนเองของท้องถิ่น และเห็นชอบมติสมัชชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสี่ส่วน เร่งตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจทั้ง 4 ฉบับ โดยกระบวนการที่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีกลไกอิสระที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการอภิบาล ระบบราชการ การคัดเลือกผู้บริหาร และการกำหนดนโยบายและจัดสรรงบประมาณในทุกระดับ
8. ศิลปวัฒนธรรมกับการสร้างสรรและเยียวยาสังคม มีมติให้ทุกหน่วยงานมีการจัดทำและดำเนินการแผนการพัฒนาและการใช้ศิลป วัฒนธรรมเพื่อการสร้างสรรและเยียวยาสังคม จัดตั้งสมัชชาศิลปวัฒนธรรมภาคประชาชนที่ศิลปินเป็นเจ้าของ มีส่วนในการบริหารจัดการและได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ อปท.และองค์กรอื่นๆ และจัดตั้งกองทุนสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมภาคประชาชนที่มีแหล่งทุนชัดเจนและ ยั่งยืน โดยให้มีสมัชชาศิลปวัฒนธรรมภาคประชาชนทุกภูมิภาคมีส่วนร่วมในการบริหารกอง ทุน
9. ส่วนประเด็นสุดท้าย เรื่องประเด็นสำคัญในการพิจารณาในสมัชชาปฏิรูปในปีต่อๆไป มีมติให้ คณะกรรมการปฏิรูปและคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ดำเนินการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายและจัดสมัชชาปฏิรูป ทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการเป็นอิสระจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล