ส้มโอทรงคนองเสียหายแล้ว 50% นักวิชาการเร่งกู้ชีพ-รักษาพันธุ์ดี

ชาวสวนหวังปกป้องสายพันธุ์เดิมได้ 30% ก็ดีใจ พร้อมแบ่งปันกันในพื้นที่ ลั่นไม่มั่นใจคุณภาพรัฐหากิ่งพันธุ์มาแจก ด้านอาจารย์ มก. แนะวิธีช่วยส้มโอรอดตายขณะน้ำท่วมขัง
หลังที่จ.นครปฐมถูกน้ำท่วมขัง จนสร้างความเสียหาย 4 ตำบล ได้แก่ ต.ทรงคนอง ต.ไร่ขิง ต.ท่าตลาด และต.บางเตย รวมพื้นที่ 5,000 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกส้มโอพันธุ์ดีของชาวสวนกว่า 200 ราย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน มูลนิธิเอสซีจีมีนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ชมการกู้สวนส้มโอ ที่อ.สามพราน จ.นครปฐม พร้อมนำกระสอบทราย ถุงบิ๊กแบ็คและผ้าใบกันน้ำไปร่วมสมทบกับชาวบ้าน เพื่อเดินหน้า “แผนกู้สวนส้มโอสามพราน เกาะทรงคนอง” โดยมีการจัดทำพนังกั้นน้ำล้อมรอบเกาะทรงคนอง และสูบน้ำออกจากพื้นที่ รวมทั้งประสานนักวิชาการด้านพันธุ์พืช เพื่อช่วยหาวิธีการที่จะรักษาส้มโอพันธุ์ดีเอาไว้
นายกมล เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานสภาลุ่มน้ำท่าจีน กล่าวถึงความพยายามกู้สวนส้มโอ ในช่วงแรกเป็นการรวมกลุ่มชาวบ้านในเกาะทรงคนอง ซึ่งเป็นกำลังสำคัญและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยใช้แนวคิดขอให้ชาวบ้านทุกคน ทุกตำบล ลบลืมเขตพื้นที่ของตนเองออกจากใจให้หมด แล้วคิดให้ตรงกันว่า ทุกคนคือชาวเกาะทรงคนอง มีความจริงใจในการทำงานซึ่งกันและกัน จนเกิดแผนหลักในการกู้ส้มโอพันธุ์ดีทรงคนองขึ้นมา
“เรายึดหลักร่วมกันว่า ให้เชื่อว่าคนที่อยากยื่นมือมาช่วยเหลือเรายังมี แต่ก่อนอื่นต้องช่วยเหลือตัวเองให้เต็มกำลังก่อน เริ่มแผนการกู้สวนส้มโอโดยขั้นแรกร่วมกันอุดคูคลองภายในเกาะ และสร้างทำนบกั้นน้ำ ก่อนที่จะเร่งสูบออก โดยที่ก่อนหน้านี้หากต่างคนต่างทำหลายครอบครัวต้องลงทุนเป็นแสนในการป้องกันสวนส้มโอที่สุดท้ายก็ศูนย์เปล่า เพราะปริมาณน้ำมากและความร่วมมือจากภาครัฐเป็นไปอย่างล่าช้า”
นายกมล กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไปชาวบ้านได้ร่วมกันสำรวจ และกำหนดจุดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อดูดน้ำในบริเวณพนังออกสู่แม่น้ำท่าจีน เช่น คลองมะนาว คลองตาจุ่น คลองตาปู่ คลองผีเสื้อ หรือจุดที่น้ำท่วมขังสูง รวมทั้งปิดกั้นคูคลองที่เป็นทางน้ำเข้าทั้งหมดในพื้นที่ด้วยวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้วัสดุที่มีในชุมชน เช่น ต้นหมาก เชือกและผ้าใบมากั้นน้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสูบน้ำออกได้ง่ายยิ่งขึ้นและใช้เครื่องสูบน้ำของชาวบ้านมาสูบออกในช่วงแรก ก่อนที่จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากหน่วยงานราชการ
เมื่อถามถึงการประเมินความเสียหายล่าสุดของสวนส้มโอสามพราน เกาะทรงคนอง ประธานสภาลุ่มน้ำท่าจีน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คาดว่าสวนส้มโอเสียหายแล้วกว่า 50% จากทั้งหมด 5,000 ไร่ แต่จากการพูดคุยกันประเมินว่า หากสามารถช่วยให้สายพันธุ์ที่ดีของส้มโอเหลืออยู่ถึง 30% เพื่อเป็นแหล่งกระจายพันธุ์ดีต่อไปได้ก็นับว่าดีใจแล้ว เพราะแม้ทางภาครัฐจะมีการช่วยเหลือกิ่งพันธุ์ แต่ชาวสวนก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่า เป็นพันธุ์เดิมที่มีคุณภาพดีที่ทำรายได้อย่างต่ำ 1 แสนบาทต่อปีหรือไม่ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของคุณค่าทางจิตใจด้วย
ขณะที่รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในคณะทำงานวิชาการ และทีมฝ่าวิกฤตอุทกภัย กล่าวถึงวิธีการเบื้องต้นในการรักษาพันธุ์ส้มโอ ในช่วงนี้ที่น้ำยังท่วมขัง ประการแรก ควรเร่งสร้างออกซิเจนให้กับน้ำ เนื่องจากน้ำที่ขังจะมีออกซิเจนน้อยและส่งผลต่อต้นส้มโอ โดยสามารถประยุกต์ใช้อุปกรณ์หรือวิธีการใดๆ ก็ได้ที่ทำให้น้ำไม่หยุดนิ่ง
“จากนั้นเป็นขั้นตอนการให้อาหารโดยการพ่นฉีดผ่านทางใบ และหากต้นใดมีโอกาสจะตายสูงให้ใช้การให้อาหารผ่านทางการเจาะลำต้น ซึ่งหากวิธีนี้รอด ต้นส้มโอต้นนี้จะเป็นพันธุ์ที่ดีและแข็งแรง ประการสุดท้าย หมั่นตัดใบหรือยอดที่แตกออกมาใหม่ในช่วงที่น้ำขัง เพื่อลดการใช้สารอาหารและการทำงานหนักของต้น"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :“นักวิชาการ” ประเมินส้มโอนครปฐมยืนต้นตายเสียหาย 100 ล. คาดใช้เวลาฟื้น 20 ปี
http://www.thaireform.in.th/news-highlight/item/6699--100-20-.html
