เทียบข้อเท็จจริง "ทหาร-องค์กรสิทธิ์" กับสาเหตุการเสียชีวิตคาค่ายทหารของผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ช่วง 2 วันที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวไหนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร้อนแรงและถูกจับตาจากฝ่ายต่างๆ มากเท่ากับข่าวพบศพผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงที่ถูกควบคุมตัวโดยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เสียชีวิตคาศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในสภาพมีผ้าผูกคอติดกับเหล็กดัดหน้าต่าง
เหตุการณ์สลดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค.2553 และแน่นอนว่าเกิดปัญหา “ความจริงหลายชุด” ขึ้นอีกครั้ง เมื่อข้อเท็จจริงจากทางฝั่งทหารยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้น่าจะผูกคอตายเอง ขณะที่ข้อเท็จจริงจากทางฝั่งญาติและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ตั้งปมสงสัยว่าเป็นการทำร้ายให้ตายหรือไม่
สาเหตุที่ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นร้อนและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในพื้นที่ก็เพราะเป็นการเสียชีวิตถึงในค่ายทหาร ระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ภายใน “ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์” ซึ่งเป็นศูนย์ซักถามใหญ่ที่สุดของทหาร และฝ่ายทหารยืนกรานมาตลอดว่าปลอดจากการ “ซ้อมทรมาน” ทุกกรณี
“ทีมข่าวอิศรา” รวบรวมข้อมูลจากทุกด้าน ซึ่งมีรายละเอียดน่าสนใจและน่าตั้งคำถามมากมาย มานำเสนอเพื่อร่วมค้นหาความจริง...
ข้อมูลจากข่าว : ทุกฝ่ายยอมรับผลชันสูตรศพ
ข่าวการเสียชีวิตของผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค. โดย นายเจ๊ะแว แนซา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 2 บ้านฮูแตมาแจ ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ว่า นายสุไลมาน แนซา อายุ 25 ปี ลูกชายของเขา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง และควบคุมตัวอยู่ในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พบศพนายสุไลมานผูกคอตายอยู่ในห้องพัก เมื่อเวลา 07.10 น.วันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ขอให้ นายเจ๊ะแว มาร่วมชันสูตรศพและรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
ต่อมา นายเจ๊ะแว ผู้เป็นบิดา พร้อมด้วยญาติพี่น้องรวมกว่า 10 คน ได้เดินทางจาก อ.สายบุรี ไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ขณะเดียวกันก็ได้ประสานงานไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ให้เข้าร่วมตรวจสอบด้วย เพราะไม่เชื่อว่าการเสียชีวิตของนายสุไลมานจะเป็นการผูกคอตายเอง
เมื่อไปถึงที่หน้าค่ายราว 11.30 น. ได้มีตัวแทนของฝ่ายทหารเชิญครอบครัว ญาติ และฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบที่บ้านพักอาร์ทรีสอร์ท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ซักถาม ภายในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ในค่ายอิงคยุทธบริหาร
การตรวจสอบดังกล่าวนี้มีตัวแทน 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง นำโดย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก พ.อ.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ และผู้แทนฝ่ายปกครอง ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งยังมีแพทย์จากโรงพยาบาลหนองจิก และโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร อัยการจังหวัด ผู้แทนจากสถาบันนิติเวชวิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน เข้าร่วมชันสูตรพลิกศพต่อหน้าบิดาและญาติของนายสุไลมาน
เมื่อไปถึงพบว่า ห้องพักของนายสุไลมานยังปิดประตูอยู่ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบศพนายสุไลมานอยู่ในสภาพมีผ้าขนหนูพันคอ ด้านหนึ่งผูกติดกับเหล็กดัดหน้าต่างห้อง สภาพศพลิ้นจุกปาก เสียชีวิตมาแล้วกว่า 5 ชั่วโมง
จากนั้นคณะแพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น โดยได้ตรวจร่างกายทุกส่วนแต่ไม่พบบาดแผลใดๆ โดยทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้แทนจากองค์กรสิทธิมนุษยชนบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน
รายงานข่าวที่ปรากฏทางสื่อแขนงต่างๆ ระบุว่า นายเจ๊ะแว ผู้เป็นบิดา และทุกฝ่ายที่เข้าร่วมชันสูตรศพไม่ติดใจสงสัยอะไร เพียงแต่ทางญาติของนายสุไลมานข้องใจว่าทำไมเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาซึ่งมีญาติมาเยี่ยม พบว่านายสุไลมานมีร่างกายอ่อนเพลีย
ประเด็นนี้ฝ่ายทหารผู้ดูแลศูนย์ซักถามชี้แจงว่า นายสุไลมานมีร่างกายปกติ สามารถเดินไปมาภายในศูนย์ฯได้ นอกจากนั้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมายังได้นำตัวกลับไปที่บ้านที่ อ.สายบุรี เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ก็พบว่าสภาพร่างกายยังปกติ
ด้าน พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก ได้ทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิตว่า หลังจากขั้นตอนการตรวจชันสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพนักงานสอบสวนจะทำสำนวนไต่สวนการตาย เพราะเป็นการเสียชีวิตระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ และหลังจากนี้จะเรียกทั้งญาติและฝ่ายทหารที่ผู้เกี่ยวข้องมาให้การในฐานะพยาน หากยังสงสัยหรือข้องใจเกี่ยวกับการเสียชีวิต ก็สามารถให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนได้ต่อไป
จากนั้น นายเจ๊ะแว ได้แจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อขอนำศพนายสุไลมานกลับไปที่ อ.สายบุรี เพื่อประกอบพิธีตามหลักศาสนา พร้อมทั้งเก็บของใช้ส่วนตัวของลูกชายกลับไปด้วย โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ข่าวที่รายงานผ่านสื่อกระแสหลักทั่วไปจบลงที่ตรงนี้ และในวันรุ่งขึ้นคือวันจันทร์ที่ 31 พ.ค. ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพิ่มเติมอีก
ข้อมูลจากทหาร : พ่อไม่ติดใจ-ผู้ตายรับเป็นแกนนำกลุ่มติดอาวุธ
“ทีมข่าวอิศรา” ได้ข้อมูลเป็นเอกสารจากศูนย์แจ้งเหตุฉุกเฉิน กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ศจฉ.พตท.) ที่สรุปข้อมูลและข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของนายสุไลมานเอาไว้อย่างน่าติดตาม
เอกสารระบุว่า ผู้ตายชื่อ นายสุไลมาน แนซา อายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 1 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผูกคอตาย ณ ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2553
นายสุไลมานถูกจับเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2553 เวลา 05.00 น.ที่บ้านฮุแตมาแจ หมู่ 1 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 จากนั้นนำส่งศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์เมื่อเวลา 12.00 น.วันเดียวกัน
ทั้งนี้ในเอกสารระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า กระทำอัตวินิบาตกรรม (ผูกคอตาย)
ในเอกสารยังรายงานความเป็นมาของเหตุการณ์นี้ว่า เมื่อหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 นำตัวนายสุไลมานส่งศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์แล้ว เจ้าหน้าที่ซักถามได้ดำเนินการซักถามขยายผลมาตามลำดับ โดยนายสุไลมานได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นแกนนำระดับปฏิบัติการ เคยก่อเหตุยิงราษฎรมาแล้ว 14 ครั้ง ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม. และเอเค 47 (อาก้า) โดยสถานที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ อ.สายบุรี และได้เขียนแผนที่ที่ใช้ซุกซ่อนอาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม.ที่ใช้อยู่ พร้อมจะพาไปตรวจค้นในวันที่ 30 พ.ค.2553 แต่ได้ฆ่าตัวตายก่อน
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2553 บิดาและมารดาของนายสุไลมานเดินทางมาเยี่ยม โดยนำผ้าเช็ดตัวมาให้ ซึ่งเป็นผืนที่ใช้ผูกคอตาย พร้อมสร้อยลูกประคำ มีการพูดคุยกันเป็นภาษาท้องถิ่น (ยาวี, มลายู) นายสุไลมานได้กระทำพิธีเสมือนการอำลาบิดามารดา โดยการลูบเท้าของบิดามารดา
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2553 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ตรวจผู้ถูกควบคุมตัว ทราบว่านายสุไลมานผูกคอตาย จึงแจ้งบิดามารดาให้รับทราบ ขณะเดียวกันได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองจิก และหน่วยงานเอ็นจีโอ (องค์กรพัฒนาเอกชน) ต่างๆ จำนวน 14 หน่วยงานให้มาร่วมดำเนินการตรวจสอบชันสูตรพลิกศพเพื่อความโปร่งใส เช่น แพทย์จากโรงพยาบาลหนองจิก โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ชุดนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม นิติเวชตำรวจ ปลัดอำเภอหนองจิก อัยการจังหวัดปัตตานี ทนายความ เป็นต้น
เมื่อบิดามารดามาถึง จากการสังเกตของ พ.อ.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ พบว่าบิดามารดาไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ คาดว่าเหมือนจะรู้ว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และบิดามารดาของนายสุไลมาน ตลอดจนฝ่ายต่างๆ ที่ตรวจสอบไม่ติดใจสงสัยในการเสียชีวิตของนายสุไลมาน พร้อมกับรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2553
ข้อมูลจากองค์กรสิทธิ์ : ผูกคอตายแต่ขาติดพื้น
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนได้บันทึกข้อมูลข้อเท็จจริงและจัดทำรายงานเบื้องต้นกรณี นายสุไลมาน แนซา อายุ 25 ปี เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบศพเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2553 โดยมีข้อมูลหลายอย่างแตกต่างจากที่ปรากฏในข่าวและรายงานของฝ่ายทหาร
รายละเอียดจากเอกสารบันทึกข้อมูลขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีดังนี้
1.นายสุไลมาน แนซา อายุ 25 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์ที่ 22 พ.ค.2553 จากหมู่บ้านกูแตมาแจ ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค. เวลาประมาณเวลา 10.30 น.ได้รับทราบจากเครือข่ายอาสาสมัครว่า มีผู้เสียชีวิตในค่ายอิงคยุทธบริหารระหว่างการควบคุมตัว พบเบื้องต้นว่าผูกคอตายในห้องขัง
เวลา 13.40 น.วันเดียวกัน ได้ติดตามเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร พบว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารได้อนุญาตให้อัยการ แพทย์ พยาบาล ตำรวจ เข้าไปชันสูตรพลิกศพตามกระบวนการยุติธรรม โดยอนุญาตให้ตัวแทนญาติ ตัวแทนภาคประชาสังคม เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วยในระหว่างเวลา 12.00-15.45 น. ได้มีการถ่ายรูปถ่ายผู้เสียชีวิตในห้องควบคุมตัวที่พบศพด้วย
2.ศพ การพบศพ และท่าตาย
- จากภาพถ่ายพบว่ามีการผูกคอตายด้วยผ้าขนหนูผืนสั้น ด้วยการผูกที่เหล็กดัดหน้าต่างในห้องควบคุมตัวที่สอง ในสถานที่ควบคุมตัวใหม่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร
- พบว่าท่าตายนั้น ขาท่อนล่างทั้งซ้ายและขวางออยู่ติดพื้น
- พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากอวัยวะเพศ มีเลือดตกอยู่ในกางเกงชั้นในจำนวนหนึ่งเห็นได้ชัด
- มีรอยแผลจากของมีคมขนาดไม่เกินหนึ่งเซ็นติเมตร 2 รอย บริเวณหลัง ระยะต่ำกว่าเอวเล็กน้อย
- ไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายในที่อื่นๆ
- มือกำแน่น คอหัก
- ลิ้นจุกปากเพียงเล็กน้อย ตาปิดทั้งสองข้างเกือบสนิท
- บริเวณต้นขามีรอยช้ำเลือดเป็นจำนวนมาก อาจเกิดจากสิ่งปกติบางประการ (ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยต่อไป)
- พบว่าตอนย้ายศพกลับไปที่บ้าน ตอนที่ยกศพออกจากรถมีเลือดไหลออกมาจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่คิดว่าน่าจะออกจากอวัยวะเพศ ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีร่องรอยบาดแผลใดๆ
3.ข้อเท็จจริงงานฝังศพ (ในช่วงค่ำวันเดียวกัน) และการตรวจบาดแผลของผู้เสียชีวิต
- มีการตรวจบาดแผลโดยแพทย์ท่านหนึ่งในบ้านที่จะมีการทำพิธีฝังศพอีกครั้ง พบว่าอวัยวะเพศเป็นเหตุที่ทำให้เกิดเลือดไหลจำนวนมากมาถึงบริเวณก้น แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เพราะไม่มีบาดแผลให้เห็น
- มีบาดแผลบริเวณคอด้านซ้าย คล้ายแผลถลอกขนาดใหญ่ 2 คูณ 5 เซ็นติเมตร
4.ข้อสังเกต
- ญาติได้ฝังศพแล้วเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 30 พ.ค.2553
- ญาติไม่อนุญาตให้มีการตรวจพิสูจน์หรือผ่าชันสูตรตามที่ชาวบ้านและหลายภาคส่วนเสนอ เนื่องจากไม่ต้องการดำเนินการใดๆ กับศพอีก
- มีชาวบ้านมาสังเกตการณ์และพูดคุยเรื่องการเสียชีวิตจำนวนมากนับร้อยคนที่บริเวณบ้านของผู้เสียชีวิต
- หลายคนมีท่าทางหวาดกลัวและตกใจกับการเสียชีวิตของผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร
- มีผู้ถูกควบคุมตัวหลายคนในค่ายอิงคยุทธบริหารอาจได้รับการปฏิบัติโดยมิชอบ เนื่องจากมีการอนุญาตให้เยี่ยม แต่ไม่อนุญาตให้พูดคุย ได้แต่มาพบหน้าและรับของฝาก
เมื่อเทียบข้อมูลจากทั้ง 3 แหล่งแล้ว จะเห็น “ความจริง” หลายชุดจากเหตุการณ์สลดครั้งนี้!
--------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ภาพถ่าย นายสุไลมาน แนซา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ระบุว่าถ่ายเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ 29 พ.ค.2553 ก่อนเสียชีวิตเพียง 1 วัน
2 ห้องควบคุมตัวภายในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี (ภาพจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่)
อ่านประกอบ :
- ปากคำจากทุกฝ่าย...พิสูจน์เบื้องหลังการตายคาค่ายทหาร
