ในหลวงมีพระราชดำรัส “ต้นไม้ถูกทำลาย เพราะความโลภของคน”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแนะปลูกต้นไม้ขึ้นเร็ว ผสมกับต้นไม้ขึ้นช้า ช่วยป้องกันน้ำท่วม ดินถล่ม อีกทั้งต้องหาวิธีที่จะป้องกันมิให้มีการทำลายป่า ด้วยการลงโทษให้หนัก
วันที่ 24 ก.พ. เวลา 17.49 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ (กยน.) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงาน เรื่องการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการวางแผนเพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ
โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ใจความว่า
"เรื่องภัยน้ำท่วม มีปัญหาหลายปัญหาที่ร่วมกันที่จะบอก รวมแล้วก็ยากที่จะพูด แต่ข้อสำคัญการไหลของน้ำอาจให้สามารถให้น้ำไหลสม่ำเสมออย่างที่เห็นมา ในปีที่ผ่านมาน้ำลงมาพรวดพราด แล้วก็ไม่ลง ไม่ยอมลง
ที่มีปัญหาสำคัญก็เรื่องของป่าไม้ เรื่องต้นไม้ ตลอดตั้งแต่ภาคเหนือมาถึงภาคกลาง และในภาคใต้ก็มีปัญหาเป็นแห่งๆ ที่แสดงให้เห็นมา ในประเทศไทยและในต่างประเทศเห็นมา เพราะว่า ป่าไม้ถูกทำลาย อันนี้ ป่าไม้นี้มีหลายชนิด โดยเฉพาะ 2 ชนิดที่ขึ้นเร็ว โตเร็ว ทำลายเร็ว มีต้นไม้ที่ขึ้นช้า ถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถแก้ไข
ต้นไม้ที่โตเร็ว ทำลายเร็วทำให้มีดินถล่ม ทุกแห่งแม้กระทั้งเดี๋ยวนี้ทางภาคเหนือก็มีมาก แต่ก่อนนี้ไม่มี มีภาคใต้ที่มี เพราะว่า มีต้นไม้ที่โตเร็วทำลายเร็ว พังเร็ว มีอันตรายมาก มาเดี๋ยวนี้ไปถึงภาคเหนือเกือบทุกแห่ง มีการทำลาย พังทลายของดินภูเขา อันนี้อันตรายมาก แก้ไขยาก ต้องหาวิธีที่จะแก้ไขเรื่องป่าไม้เป็นสำคัญ
ที่ลำบากเพราะว่า ความโลภของคน ต้นไม้ที่ชอบทำลาย คือต้นที่มีคุณภาพ ไม้แข็ง เป็นต้นไม้ที่ถูกทำลายแล้วขึ้นช้า ทำอย่างไรเพราะว่า ความโลภของคน ความโลภของโดยเฉพาะเราตำหนิข้าราชการที่โลภแล้วก็อยากได้เงิน แต่อันนี้ลำบาก ต้นไม้ที่ช่วยในเรื่องของน้ำท่วม จะขึ้นช้า ปลูกยาก"
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งถึงการปลูกต้นไม้ว่า ต้องปลูกต้นไม้ขึ้นเร็ว ผสมกับต้นไม้ขึ้นช้า ช่วยในการป้องกันน้ำท่วม ต้องปลูกต้นไม้ที่เรียกว่า ไม้แข็งแล้วขึ้นช้า แต่เมื่อขึ้นช้า ก็ป้องกันยากไม่ถูกทำลาย ถูกทำลายปลูกแทนยาก ต้นไม้แข็งย่อมขึ้นช้า ดังนั้น ต้องหาวิธีที่จะป้องกันมิให้มีการทำลายแล้วก็ให้มีการลงโทษหนัก เพื่อที่จะไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งการปลูกก็ควรปลูกต้นไม้ที่ขึ้นช้า ที่เป็นไม้แข็งไม้รากลึก ทำให้ป้องกันดินถล่ม อันนี้เป็นปัญหายากมาก
"วิธีทำต้องปลูกผสม พวกต้นไม้อ่อนขึ้นเร็วกับไม้แข็งที่ขึ้นช้า ฉะนั้นต้องหาวิธีที่ป้องกันการทำลาย เพราะว่าต้นไม้แข็งเมื่อถูกทำลายกว่าจะแทนที่ได้กินเวลานาน อย่างที่กรุงเทพฯ ได้ปลูกต้นไม้แข็ง เช่น ไม้สัก ไม้ยาง
ไม้สักกินเวลาหลายสิบปีกว่าจะโต และแกร่ง ไม้ยางขึ้นได้เร็วกว่า แต่อย่างไรก็กินเวลานาน 60 ปี กว่าจะใช้ได้ ดังนั้นจึงเป็นงานหนักการปลูกต้นไม้ที่จะช่วยให้เป็นไม้ที่จะช่วยในเรื่องของน้ำท่วม ดินถล่ม ต้องใช้เวลาเป็นแรมปีถึงจะขึ้นได้
วิธีทำก็เป็นปัญหาต้องปลูกต้องไม้ที่ขึ้นเร็ว หมายความว่า 10 ปี โตแล้วใช้การได้ ผสมกับต้นไม้ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะใช้งานได้ ใช้งานในฐานะเป็นไม้และฐานะเป็นต้นไม้ป้องกันน้ำท่วม เป็นเวลาหลายสิบปี
สรุปแล้วต้องปลูกป่าที่ขึ้นเร็วส่วนหนึ่ง และเป็นป่าสวนผสม ด้วยต้นไม้ที่ขึ้นช้าและไม้แข็ง ไม้ที่คนเขาหวง อยากได้ ไม้ที่แข็งนี้ส่วนมากรากลึก ต้องปลูกผสมกันมีครึ่งต่อครึ่งก็ได้ ปลูกต้นไม้ที่ขึ้นเร็วและขึ้นช้า ได้ผลที่ว่าแก้ไขปัญหาดินถล่ม น้ำท่วม ไม้บางชนิดได้ประโยชน์เช่น ไม้ยางพารา มีประโยชน์ขึ้นเร็ว เวลาขึ้นมาแล้วใช้ประโยชน์ในทางน้ำยาง และใช้ประโยชน์ไม้ยาง 20 ปีก็ใช้ได้ หมายความว่า ค้าขายได้แต่ก็รากไม่หยั่งลึกไม่สามารถารักษาดินถล่มได้
เห็นได้จาก นครศรีธรรมราช ดินถล่ม คนตายไปเยอะแยะ มาตอนหลังดินถล่มภาคเหนือก็มีแพร่ น่าน ก็มี ...แต่ถ้าสามารถปลูกไม้แข็ง มีรากลึกก็จะป้องกันดินถล่มแต่ก่อนนี้ไม่มี..."
จากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังนำคณะกรรมการ กยน. และ กยอ. กราบบังคมทูลรายงานถึงความคืบหน้า หลังจากได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยการดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ซึ่งปัญหาขณะนี้คือ การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสให้เร่งรัดปลูกป่า เพื่อเป็นการรักษาป่าหน้าดิน รวมถึงการระบายน้ำ ให้เกิดความสมดุล เพื่อป้องกันน้ำท่วมและน้ำแล้ง ซึ่งทำให้ กยน. และ กยอ.มีความมั่นใจมากขึ้นในการดำเนินงาน และพร้อมจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส ไปปรับปรุงแนวทางการทำงานต่อไป
