ดร.ชูเกียรติ ชี้แผนป้องกันอุทกภัยปี 55 น้ำทั้งหมดจะไม่ให้มาประชิดเมือง

กรรมการ กยน.เผยโครงการพระราชดำริถูกดึงมาใช้ เป็นตัวนำในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในปี 55 แล้ว เชื่อปชช.เดือดร้อนน้อยที่สุด ยอมรับ อ่างเก็บน้ำ ปลูกป่า ฟลัดเวย์ ทำไม่ทัน ปีนี้ขอใช้วิธีบริหารจัดการสิ่งที่มีอยู่ ลดปริมาณน้ำหลากให้น้อยลง
รศ.ดร.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และที่ปรึกษาคณะทำงานจัดแผนงานการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่่่การรับน้ำ กล่าวถึงความคืบหน้าแผนป้องกันน้ำท่วม ในปี 2555 ว่า เนื่องจากบางโครงการยังไม่สามารถจัดสร้างได้ เช่น อ่างเก็บน้ำ การปลูกป่า หรือการสร้างฟลัดเวย์ ดังนั้น สิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติจึงได้ถูกนำมาบริหารจัดการ เช่น จะมีการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำในปัจจุบัน กระจายเข้าไปเก็บกักชั่วคราว เพื่อลดปริมาณน้ำหลากให้น้อยลง ทำพื้นที่ปิดล้อมเศรษฐกิจหลักของประเทศ หลังจากปีที่แล้วเสียหายมหาศาล
"การป้องกันความเสียหายกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ จะมีทางน้ำหลากธรรมชาติ กระจายน้ำส่วนเกินที่หากเกิดกรณีมีน้ำมากผิดปกติ หรือการกระจายน้ำไปในทุ่ง หากทำได้ไม่สมบูรณ์ก็จะมีทางน้ำหลากรอบๆ พื้นที่ เป็นต้น" กรรมการ กยน. กล่าว และว่า ปีที่แล้วเราเอาน้ำทั้งหมดมาประชิดเมือง จนเกิดน้ำท่วมแถวรังสิต สนามบินดอนเมือง และเกิดการทะเลาะกันระหว่างคนแถวสายไหมและลำลูกกา ส่วนทางตะวันตก ก็คนบางบัวทอง กับที่อยู่ใต้คลอมหาสวัสดิ์ ฉะนั้น ปีนี้น้ำทั้งหมดจะไม่ให้มาประชิดเมือง น้ำทั้งหมดจะถูกป้องกัน เช่น การป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ ฝั่งตะวันออกจะกันไปถึงแม้น้ำเจ้าพระยา อยุธยา แม่น้ำป่าสัก ด้านฝั่งตะวันตก จะกันไปถึงคลองพระยาบันลือ และใช้แก้มลิง เป็นตัวตัดน้ำ และหากมีน้ำส่วนเกินมามาก ก็จะให้ไหลมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา และฟลัดเวย์ธรรมชาติ เช่น คลองระพีพัฒน์แยกใต้ คลอง 13 คลอง 14 และคลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิต ทั้งนี้ ฝั่งตะวันตก ก็จะใช้แม่น้ำท่าจีน เป็นฟลัดเวย์ธรรมชาติ โดยมีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ กำลังดูเรื่องนี้อยู่ เพื่อให้ทุกคนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
รศ.ดร.ชูเกียรติ กล่าวด้วยว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริถูกดึงมาใช้ เป็นตัวนำในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในปี 2555 ของรัฐบาลแล้ว ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระองค์ท่านจะบอกอยู่เสมอว่า ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ฉะนั้นก่อนที่เราจะกำหนดพื้นที่แก้มลิง หลังจากฝ่ายวิชาการกำหนดแล้ว ก็ได้แจ้งไปที่กระทรวงมหาดไทย จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดไปคุยกับคนในพื้นที่ เพื่อหาคำตอบ ซึ่งทั้งพื้นที่น้ำท่วม และพื้นที่ทางน้ำหลาก เพื่อให้น้ำมีที่ไป โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดำเนินการ
"พื้นที่เกษตรกรรมที่พร้อมให้น้ำเข้าไปเก็บได้ มีแล้วกว่า 3.5 ล้านไร่ มีการคิดวิธีการเยียวไว้แล้ว ทั้งกรณีน้ำท่วมและน้ำไม่ท่วม จะเยียวยา และกำหนดค่าใช้จ่ายอย่างไร ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกยน.นำเสนอรัฐบาลไปแล้ว โดย เบื้องต้นพื้นที่เหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงมาก รอฝ่ายรัฐบาลประกาศออกมาเป็นอย่างไร"
