“เลิศวิโรจน์” แจงเหตุลดระบายน้ำ 6 เขื่อน เชื่อปริมาณน้ำ-ฝนไม่เท่าปี 54

อธิบดีกรมชลฯ คาดพื้นที่ชลประทานน้ำไม่แล้ง แต่นอกพื้นที่ไม่แน่ ย้ำพร้อมส่งเครื่องสูบน้ำช่วยหากแล้งจริง เผยการลดระบายคำนวณตามแนวโน้มปีนี้ หากสถานการณ์เปลี่ยนอาจปรับใหม่
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มีมติให้กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ลดระดับน้ำในเขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ให้เหลือ 45% ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำให้ทันต่อฤดูฝน ที่คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนอาจมีมากกว่าหรือระดับเดียวกับปีที่แล้ว (2554)
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ได้มีมติให้ลดการระบายน้ำใน 6 เขื่อนหลักที่มีผลต่อลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยที่ให้เริ่มลดการระบายที่เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 2 ล้านลบ.ม.ต่อวัน จากเดิมระบาย 60 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคเกษตร หรือเกิดภัยแล้ง
กรณีดังกล่าว นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราว่า การลดการระบายน้ำใน 6 เขื่อนนั้น ไม่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยแล้ง แต่เป็นไปตามเกณฑ์การพิจารณาที่ได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า แนวโน้มปริมาณน้ำในปีนี้ และปริมาณฝนจะเป็นปกติ จึงมีการปรับลดการระบายน้ำ
"กรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาโดยตลอด อีกทั้งภายหลังที่รัฐบาลได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว จึงได้ข้อสรุปว่า การระบายน้ำจะต้องให้มีความสมดุล ทั้งการเกษตรและการป้องกันอุทกภัย ฉะนั้น หากน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ การระบายก็จะต้องปรับเปลี่ยนไปด้วย หลักเกณฑ์การระบายทั้งเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ให้เหลือ 45% ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ที่คาดการณ์ตามปริมาณน้ำเท่ากับปี 2554จึงต้องเปลี่ยนแปลง"
นายเลิศวิโรจน์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของกรมชลประทานเกี่ยวกับการรับมือภัยแล้งในขณะนี้ การลดการระบายน้ำคงเป็นแนวทางหนึ่ง แต่ในช่วงฤดูฝนของทุกปีกรมชลประทานได้ทำความตกลงกับเกษตรกรทั้งในพื้นที่ชลประทาน ที่มีแหล่งน้ำไว้แล้ว จะสามารถติดตามปริมาณน้ำที่เหลือในอ่าง และกำหนดรูปแบบการใช้น้ำในแต่ละฤดูได้ล่วงหน้า ซึ่งตนคาดหากเกษตรกรทำตามที่ตกลงกันไว้ พื้นที่ชลประทานที่อยู่ภายใต้ทั้ง 6 เขื่อนไม่น่าจะประสบปัญหาภัยแล้ง ในส่วนนอกพื้นที่ชลประทาน ที่ไม่มีน้ำต้นทุน ทางกรมชลประทานจะช่วยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ หากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นร้องขอมา
"เมื่อลดการระบายน้ำ จึงคาดการณ์ว่าในวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ น่าจะอยู่ที่ 55-56% ของความจุอ่าง ซึ่งคำนวณจากสถานการณ์น้ำและข้อมูลน้ำฝนปัจจุบัน ทั้งนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ เช่น หากอีก 1-2 สัปดาห์หรือ 1 เดือนมีความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์น้ำ ก็อาจมีการปรับการระบายอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง ณ ปัจจุบันนี้มีปริมาตร 47,078 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 67 หรือประมาณ 490,555 ล้านลบ.ม. ซึ่งมากกว่าปี 2554 ที่มี 40,879 ล้านลบ.ม. แตกต่างกันอยู่ประมาณ 6,199 ล้านลบ.ม."
อธิบดีกรมชลฯ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ชลประทานยังไม่มีจังหวัดใดที่เสี่ยงต่อภัยแล้ง แต่ในสวนนอกพื้นที่ชลประทาน ที่ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนต้องพิจารณาเป็นรายพื้นที่ เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ฝนได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามกรมชลประทานได้เตรียมพร้อมในการให้การช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง โดยการจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้อย่างเพียงพอ
"ผลประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งล่าสุดของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยที่เฝ้าติดตามขณะนี้ พบว่า มี 23 จังหวัด 150 อำเภอ 1,008 ตำบล 9,801 หมู่บ้าน ที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง ซึ่งส่วนมากพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตชลประทาน และเป็นความดูแลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย" อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว และว่า การเตรียมการของรัฐบาล และการติดตามสถานการณ์น้ำในปีนี้ค่อนข้างดีกว่าปีที่แล้ว การบริหารจัดการน้ำอาจกระทบบางพื้นที่เท่านั้น กรมชลประทานเองก็ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม และรายงานแผนการทำงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกสัปดาห์ แต่ในส่วนคณะกรรมการเพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ตนไม่ทราบแน่นอนว่าจะมีการประชุมกันเมื่อใดบ้าง"
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำใน 2 เขื่อนใหญ่ คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ว่า จากเดิมที่ได้วางแผนการจัดการน้ำ โดยการทยอยระบายน้ำวันละ 60 ล้านลบ.ม. ให้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยระดับ 45% ในเดือนพฤษภาคม ตามมติที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ได้กำหนดไว้ เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น และสามารถปรับการทำงานให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันได้ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและมีศักยภาพสูงสุด
สถานการณ์ภัยแล้งล่าสุด

สรุปสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ
(ณ วันที่ 14 มีนาคม 2555)

