จุฬาฯ ระดมความเห็นร่าง “วิสัยทัศน์กทม.2575” หวังพัฒนาเมืองจากฐานราก

กทม.จับมือจุฬาฯ ระดมความเห็นร่างวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ อีก 20 ปีข้างหน้า จากปชช.ทุกเขต ย้ำส่งมอบแผนทันปลายปี ด้านศ.ดร.จรัส เผยเป็นการหนุนเสริมปชต. สางการเมืองโครงสร้างรวมศูนย์
วันที่ 28 เมษายน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อจัดทำแผนวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ ของประชาชนในช่วง 20 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2556-2575) ภายใต้ชื่อกิจกรรม "กรุงเทพฯ 2575" ณ ห้องคริสตัล บอลรูม โรงแรมตะวันนา ถ.สุรวงศ์ กรุงเทพฯ เพื่อส่งมอบให้กรุงเทพมหานคร ได้ใช้จัดทำแผนพัฒนาฯ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนชาวกรุงเทพฯ โดยมี ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าโครงการ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดกิจกรรมว่า กรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษและมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่มีพันธกิจในการพัฒนามหานครกรุงเทพให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน จึงร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดทำโครงการศึกษาวิจัยดังกล่าวขึ้น เพื่อหาแนวทางในการกำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาเมือง ทั้งในด้านกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม คุณภาพชีวิต ประชากรและการบริหารจัดการ เพื่อให้การดำเนินงานในด้านต่างๆ รวมถึงการใช้ทรัพยากรของกรุงเทพฯ เป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อีกทั้งแก้ไขปัญหาหลักที่ชาวกรุงเทพฯ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงต้องประสบอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำพากรุงเทพฯ ไปสู่การเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยแห่งหนึ่งของโลก
ขณะที่ศ.ดร.จรัส กล่าวว่า โครงการวิจัยแผนวิสัยทัศน์ 20 ปีกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบในการวางแผนพัฒนากรุงเทพฯ ในภาพรวมและเป็นเครื่องมือกำกับดูแลการบริหารราชการกรุงเทพฯในอนาคต ที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างทักษะและขีดความสามารถให้ประชาชนในระดับฐานราก ที่จะเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการส่งเสริมและติดตามการพัฒนากรุงเทพฯ ไปในทิศทางที่ประชาชนร่วมกันกำหนดขึ้น
"วิสัยทัศน์ 20 ปีนี้ เรียกได้ว่า เป็นแผนของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ที่จะมีพลังและยั่งยืนต่อเนื่องไป 20 ปีข้างหน้า เนื่องจากจัดทำขึ้นจากความคาดหวังและฉันทามติของชาวกรุงเทพฯ จึงมีเนื้อหาสาระและกระบวนการจัดทำแผนที่มีความแตกต่างไปจากแผนพัฒนาฉบับอื่นๆ ที่จัดทำขึ้นโดยกลุ่มผู้บริหาร นักวิชาการและเทคโนแครต"
ศ.ดร.จรัส กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาแผนวิสัยทัศน์ฉบับนี้ประกอบด้วยวิสัยทัศน์ ยุทศาสตร์และกลยุทธ์หลักๆ ในการพัฒนาที่จะมีความเป็นรูปธรรม มองเห็นได้ เข้าถึงได้และวัดได้ อีกทั้ง สามารถรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิศาสตร์ กายภาพ เศรษฐกิจและสังคมและด้านการเมืองการปกครองได้อย่างแท้จริง
ในส่วนขั้นตอนการจัดโครงการ เริ่มจากเปิดเวทีเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่รอบกรุงเทพในภาพรวม จำนวน 6 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายน เพื่อดูว่าอารมณ์และทิศทางของชาวกทม.ว่าอีก 20 ปีข้างหน้าต้องการจะเป็นอย่าไร เช่น เมืองสีเขียว เมืองบริการ
จากนั้นเป็นการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อลงลึกในแต่ละด้าน ซึ่งเวทีลักษณะนี้นอกจากต้องการสาระแล้ว ยังเป็นการปลุกจิตสำนึกให้เกิดพลังด้วย
"วิสัยทัศน์จะครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา ผังเมือง การจราจรและวิศวกรรม การขนส่ง การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการบริหารจัดการ กลุ่มย่อยจะร่วมกันคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสอดคล้องหรือก้าวไปสู่จุดที่กำหนดไว้ได้ และมีกิจกรรมรณรงค์ให้ชาวกรุงเทพฯ รวมเป็นเจ้าของวิสัยทัศน์กทม.2575 ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ก่อนที่จะส่งมอบวิสัยทัศน์ให้แก่กรุงเทพมหานครในช่วงเดือนพฤศจิกายน"
ศ.ดร.จรัส กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า โครงการนี้ริเริ่มตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่เหตุที่ยังไม่สามารถจัดได้ เนื่องจากต้องอาศัยอารมณ์ของบ้านเมืองที่กำลังดี ไม่มีการเผชิญหน้า หรือช่วงน้ำท่วม ทั้งนี้ ระยะเวลาวิสัยทัศน์ 20 ปีจะไม่สั้นเกินไปจนทำบางเรื่องไม่ได้ และไม่ยาวเกินไปสำหรับการทำบางเรื่อง เช่น การแปลงเมืองจากอุตสาหกรรมเป็นเมืองบริการ
"มีหลายเรื่องที่อาจไม่เห็นผลใน 20 ปี แต่สามารถมองเห็นทิศทางว่าควรต้องทำอะไรบ้าง เช่น เรื่องผังเมือง ที่ต้องควบคุมการใช้พื้นที่ อาจต้องกินเวลาไปถึง 50 ปี อีกทั้ง เรื่องพลังงานและระบบบริหารจัดการน้ำ สร้างให้คนอยู่กับน้ำ ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น"
ศ.ดร.จรัส กล่าวด้วยว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ จะเป็นการหนุนเสริมประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมกรุงเทพฯ ใช้ระบบการเมืองแบบโครงสร้างรวมศูนย์ ไม่ฟังเสียงประชาชน ชาวกทม.เป็นพวกเรียกร้อง อยากได้อะไรก็ร้องเรียน และมีอำนาจต่อรองสูงกว่าทุกจังหวัด ฉะนั้น การเมืองจึงเป็นการเมืองแบบปฏิปักษ์ สังคมตัวใครตัวมัน พึ่งตัวเองสูง แต่ไม่เคยรวมพลังเพื่อปกครองตนเอง นี่คือโจทย์ด้านอธิปไตยที่ชาวกทม.ต้องช่วยกันคิด
"วิสัยทัศน์ 20 ปีนี้จึงเป็นสิ่งที่ชาวกทม.ต้องรักษา โดยจะสร้างเครือข่ายในทุกเขต มีเว็บไซต์กรุงเทพ 2575 และจัดเวทีลักษณะนี้ต่อเนื่องทุกปี มุ่งหวังว่าจะเป็นโครงการที่เริ่มแต่ไม่มีจบ อย่างไรก็ตามกระบวนการระยะยาวจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและความต้องการของชาวกทม.เป็นหลัก"
