เครือข่ายศิลปินฯ ระบุใช้กม.ก็พ่ายแพ้ พึ่งแนวรบด้านวัฒนธรรม ต้านโกง

เครือข่ายศิลปินฯ ฉายหนังสั้น-ละครเร่ ปลุกจิตสำนึกต้านคอร์รัปชั่นก่อนฝังรากลึก เล็งเดินสายแสดงทั่วประเทศ ด้านเนาวรัตน์ เผยการโกงมี 3 รูปแบบ ดื้อตาใส-ใช้ตัวช่วย-มวยล้มต้มคนดู
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายศิลปินเพื่อการปฏิรูป สำนักงานปฏิรูป สำนักกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย กองทุนศรีบูรพา สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย หอการค้าไทยและสภาหอกาค้าแห่งประเทศไทย และเครือข่ายสังคมคุณธรรม ศูนย์คุณธรรม จัดฉายหนังสั้น โครงการ "เล่าเรื่องโกง" จากผู้กำกับดาวรุ่ง และผู้กำกับกิตติมศักดิ์ชื่อดัง และแสดงละครเร่ ตอน "เมื่อผียังถูกโกง (ไม้พะยูงต้นเดียว)" โดย ศูนย์ศึกษาศิลปะธรรมชาติเด็กรักษ์ป่า จ.สุรินทร์ อีกทั้ง ร่วมมือมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ TIGA จัดกิจกรรม ชวนน้องดูหนัง หลังสอบเอ็นท์ '55 ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีการแถลงข่าว "จังหวะก้าว โครงการเล่าเรื่องโกง" โดยมี นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการเครือข่ายศิลปินเพื่อการปฏิรูป นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานเครือข่ายฯ นางชมัยภร แสงกระจ่าง ที่ปรึกษาสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย นายเจน สงสมพันธ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย นายเข็มทอง โมราษฎร์ ผจก.ศูนย์ศึกษาศิลปะธรรมชาติเด็กรักษ์ป่าฯ นายพัฒนะ จิรวงศ์ ผู้แทนสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และนายดนัย หวังบุญชัย กรรมการและหน่วยงานเลขานุการ เครือข่ายศิลปินเพื่อการปฏิรูป ร่วมแถลง
นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า รูปแบบของการโกงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนั้นมีอยู่หลากหลาย สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.ดื้อตาใส หมายถึง การโกงแบบหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย โกงกันซึ่งๆ หน้า ไม่สนใจทั้งกฎหมายและคุณธรรม 2.ใช้ตัวช่วย คือ พวกที่โกงแบบซ่อนเร้น กลัวถูกจับได้จึงต้องพยายามหาเล่ห์เหลี่ยมทุกรูปแบบมาเป็นเครื่องมือ และ 3.มวยล้มต้มคนดู หมายถึง การโกงแบบฮั้วกัน เรียกว่าทั้งคนโกงและคนยอมให้ถูกโกง ต่างรู้เห็นเป็นและพร้อมใจกันเล่นละครตบตาเพื่อโกงคนอื่นๆ อีกต่อหนึ่ง และเพื่อสะท้อนการโกงที่หลากหลาย การเพิ่มพลังพลเมือง สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
"หากทุกภาคส่วนในสังคมตระหนักถึงภัยร้ายของการทุกจริตคอร์รัปชั่น จะนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยระยะยาวได้ นั่นคือที่มาของโครงการเล่าเรื่องโกง ซึ่งจะเป็นเวทีให้ศิลปินได้แสดงพลัง ด้านศิลปะ เพื่อปลุกกระแสสังคมให้ช่วยกันแก้ปัญหาการโกงหรือคอร์รัปชั่นในประเทศไทยที่ลุกลาม เรื้อรัง ฝังรากลึกจนเกินกว่าจะเยียวยาได้ให้ลดน้อยลง"
ขณะที่นพ.วิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา การต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย เรียกได้ว่าพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการพยายามสร้างกลไกมากมาย ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) จนเพิ่มอำนาจเป็นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่การโกงก็กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น กระทั่งสภาหอการค้าไทยลุกขึ้นมาขับเคลื่อนต่อต้าน
"เมื่อพบว่าเยาวชนยอมรับเรื่องการโกงได้มากขึ้นก็แทบจะสิ้นหวัง เป็นเรื่องร้ายแรงมาก ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่เบี่ยงเบน อนาคตประเทศชาติจะมืดมน ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรัฐมนตรีและนักการเมืองเพียง 2 คนที่ทำผิดแล้วถูกจับเข้าคุก นอกนั้นไม่สามารถใช้กระบวนการที่มีอยู่ได้ แตกต่างกับประเทศจีนที่เจริญมาก เพราะการปราบปรามและโทษเรื่องคอร์รัปชั่นรุนแรงมาก เช่นกรณี ปลอมปนเมลามีนในนม ได้จับผู้กระทำผิดยิงเป้าทั้ง 3 คน เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน"
นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า เราไม่ควรจะยอมให้บรรทัดฐานเบี่ยงเบนเช่นนี้เกิดขึ้นได้ และจากนี้ต้องเปลี่ยนค่านิยมว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันจัดการ อย่ามองว่าธุระไม่ใช่ ทั้งนี้ การใช้ศิลปะจะเป็นการเปิดแนวรบด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะเยาวชน ศิลปะจะซึมลึกเข้าไปยังจิตใจได้ง่าย เพราะมนุษย์ต่างกับสัตว์ทั่วไปที่มีสัญชาตญาณ ไม่เข้าถึงความดี ความงามและความจริงได้ ที่ผ่านมาเราใช้กฎหมาย การต่อสู้สารพัดก็พ่ายแพ้ จึงหวังว่าแนวรบด้านศิลปะจะทำให้สถานการณ์พลิกผันได้
ด้านนายดนัย กล่าวว่า โครงการเล่าเรื่องโกง เปรียบเหมือนหัวขบวน ที่พยายามหาความร่วมมือจากองค์กรภาคส่วนต่างๆ ซึ่งขณะนี้หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยทุกจังหวัด นำโดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ จะสนับสนุนกิจกรรมของโครงการที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศ โดยจะเริ่มนำละครเร่ หนังสั้น และงานวรรณกรรมที่จัดพิมพ์ไปจัดกิจกรรมกับสถานศึกษาและชุมชนอย่างน้อย 20 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาค รวมถึงระดมความคิดและรับฟังแนวคิดใหม่ๆ จากเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่จะชี้เบาะแสและให้ข้อมูลใหม่ เพื่อดึงเยาวชนและศิลปินมาทำงานร่วมกัน และผลิตผลงานศิลปะแขนงใหม่ๆ ตลอดทั้งปี
"เมื่อการทุจริตคอร์รัปชั่นกลายเป็นเรื่องปกติของสังคม จะต้องหาแนวทางว่าทำอย่างไรจะจัดการกับการโกง ที่เป็นส่วนหนึ่งของความไม่เป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำของสังคมได้ โดยดึงพลังประชาชน พลังเยาวชนและพลังพลเมืองเข้ามามีส่วนร่วม ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะน่าเป็นห่วงมาก
ส่วนนายเจน กล่าวว่า คอร์รัปชั่นมีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่าปีนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้าแก้ไขทั้งเรื่องสังคม การเมือง โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญมากมาย แต่การที่ประเทศจะดีได้ ภาคประชาชนควรขับเคลื่อนเรื่องการต้านโกงไปด้วย ไม่อย่างนั้น แม้จะมีความเป็นประชาธิปไตยมากหรือน้อย หรือมีรัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับ หากยังไม่สามารถกำจัดเรื่องการโกงได้ กฎหมาย รัฐธรรมนูญที่มีมากก็ยิ่งล้มเหลวมาก
"โครงการนี้เป็นเพียงโครงการนำร่อง เป็นหัวขบวนที่จะให้เยาวชนทั่วประเทศ ได้เล่าเรื่องโกงในจังหวัดของตนเอง และเชื่อว่าจะสามารถขยับเขยื้อนเรื่องต่างๆ จากพลังนี้ได้อย่างกว้างขวาง
