เกือบ 700 ‘แฟรนไชส์’มหาวิทยาลัยไทย สอบผ่านมาตรฐาน แค่ 45 แห่ง

สกอ. เร่งตรวจคุณภาพสถานศึกษานอกที่ตั้งมหาวิทยาลัยกว่า 700 แห่ง ส่อแววจัดการศึกษาเชิงพาณิชย์-ด้อยคุณภาพ ข้อมูลระบุมีเพียง 45 แห่งจัดการเรียนการสอนตามมาตรฐานกระทรวงศึกษา
จากข้อร้องเรียนและกระแสข่าวหนาหูเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษา ที่หลายแห่งส่อแววด้อยคุณภาพ ทั้งในแง่การเรียนการสอนและคุณภาพบัณฑิตนั้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา เปิดรายงานเกี่ยวกับข้อมูลการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาที่แจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาอย่างเป็นทางการ สรุปข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 พบว่า สถาบันอุดมศึกษา ทั้งในส่วนมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยเอกชน จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 150 สถาบัน มีการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งถึง 96 สถาบัน แจ้งว่าไม่มีการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง 44 สถาบัน ส่วนอีก 10 สถาบันยังไม่มีการให้ข้อมูลแต่อย่างใด
สำหรับมหาวิทยาลัย 96 สถาบันที่แจ้งว่ามีการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งนั้น พบว่า มีศูนย์การศึกษารวมกันทั้งสิ้น 687 ศูนย์ โดยแบ่งเป็น ม.รัฐ 11 สถาบัน จำนวน 185 ศูนย์ ม.ในกำกับของรัฐ 11 สถาบัน จำนวน 106 ศูนย์ ม.ราชภัฏ 29 สถาบัน จำนวน 166 ศูนย์ ม.เทคโนโลยีราชมงคล 5 สถาบัน จำนวน 16 ศูนย์ และม.เอกชน 40 สถาบัน จำนวน 214 ศูนย์
ทั้งนี้ ในรายงานฉบับดังกล่าว ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันมีศูนย์การศึกษานอกสถานที่ตั้ง ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา รับทราบแล้วว่า มีการจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงศึกษา เพียง 32 สถาบัน จำนวน 45 ศูนย์เท่านั้น
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวยอมรับเกี่ยวกับข้อร้องเรียนในเรื่องการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งว่า ส่วนใหญ่มีความกังวลว่าจะเป็นการจัดการศึกษาเชิงพาณิชย์ เพราะบางแห่งไม่มีอาจารย์สอนตามที่ประกาศไว้ตอนต้น ซึ่งในเรื่องนี้จะได้มีการเข้มงวดต่อไป เนื่องจากอาจารย์ที่สอนต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิ ไม่ใช่อาจารย์ที่ไหนก็ได้ ขณะเดียวกันยังพบปัญหาเรื่องการหลอกลวง เช่น กรณี ป.บัณฑิตที่สถานศึกษาบางแห่งจัดการเรียนการสอนโดยไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
“ขณะนี้เรากำลังเข้าไปตรวจคุณภาพของสถานศึกษานอกที่ตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งมีประมาณ 700 กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยเราจะออกตรวจและกวดขันในเรื่องคุณภาพว่า เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ทั้งเรื่องของสถานที่ การจัดการเรียนการสอน คุณภาพบัณฑิต การสนับสนุนทางการศึกษา เช่น ห้องสมุด คอมพิวเตอร์ เป็นต้น” รศ.นพ.กำจร กล่าว และคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 เดือนจึงจะดำเนินการได้ครบถ้วน พร้อมกันนี้จะได้มีการนำข้อมูลมาประมวลต่อไป
ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า เมื่อประมวลผลเป็นที่เรียบร้อย เราจำเป็นต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะการจัดการศึกษาขณะนี้ บ้านเราให้อิสระมหาวิทยาลัยไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้น่าจะมีการออกเป็นกฎกระทรวงต่อไป ซึ่งโดยภาพรวมเห็นว่า ควรมีข้อปฏิบัติที่ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชนในลักษณะที่เหมือนๆ กัน
“นอกจากนี้จะเข้าไปดูในเรื่องคุณภาพบัณฑิต โดยเฉพาะระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ซึ่งเห็นว่าต่อไปต้องมีผลงานเชิงวิจัย อาทิ วิทยานิพนธ์ การศึกษาอิสระ ซึ่งตีพิมพ์เป็นเอกสาร เพื่อใช้ตรวจสอบว่า บัณฑิตรายนั้นๆ มีคุณภาพจริงหรือไม่ และถ้าที่ไหนไม่ดี บัณฑิตมีการคัดลอกผลงาน เราจะประกาศให้กับสังคมรับทราบต่อไป”รองเลขาฯ สกอ. กล่าว
