ป.ป.ช. ยึดอีก รถยนต์ “สุพจน์” มูลค่าเกือบ 3 ล้าน

ป.ป.ช. ยึดอีกรถยนต์ “สุพจน์” เกือบ 3 ล้าน ส่งปปท.ไต่สวน รับของมูลค่าเกินกฎหมายกำหนด ส่วนเงินฝากในธนาคาร ซึ่งมีมูลค่าหลายสิบล้าน เจ้าตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม อ้างมีอยู่ก่อนแล้ว ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมิติเอกฉันท์ให้ไต่สวนเพิ่มเติม
วันที่ 29 พฤษภาคม นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความคืบหน้าการพิจารณาคดีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กรณีร่ำรวยผิดปกติ ในประเด็นเกี่ยวกับเงินฝากในบัญชีธนาคาร ที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์และทรัพย์สินอื่นๆ ของนายสุพจน์
สำหรับการพิจารณาประเด็นเงินฝากในบัญชีธนาคารของนายสุพจน์ ซึ่งมีมูลค่าหลายสิบล้านบาทนั้น นายกล้านรงค์ กล่าวว่า เนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 นายสุพจน์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมเข้ามาในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยอ้างว่า เงินฝากในบัญชีธนาคาร ได้มีอยู่ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฉะนั้นเพื่อความเป็นธรรม คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมิติเอกฉันท์ให้คณะอนุกรรมการฯ ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติม โดยให้นายสุพจน์ นำพยานเอกสาร พยานบุคคลเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการฯ หลังจากได้รับหนังสือเชิญภายใน 15 วัน
ส่วนการพิจารณาทรัพย์สิน นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ในส่วนที่ดิน สิ่งปลูกสร้างที่นายสุพจน์ยืนแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ติดใจ แต่จากการที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้เข้าตรวจค้นบ้านของนายสุพจน์ ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อ Volkswagan รุ่น Caravelle หมายเลขทะเบียน ฮบ 8112 กรุงเทพมหานคร (เดิมคือหมายเลขทะเบียน ฮต 8822 กรุงเทพมหานคร) ซึ่งนายอเนก จงเสถียร ได้มอบให้แก่นายสุพจน์ ยืมใช้งานเมื่อปี พ.ศ.2552 เพื่อความเหมาะสมกับตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงในขณะนั้น
“จากการให้ถ้อยคำของนายอเนกชี้แจงว่า ได้มอบเงินให้กับนางนฤมล ทรัพย์ล้อมจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อยืมใช้งาย เนื่องจากนางนฤมลได้ทำงานให้กับตน ขณะเดียวกันจะได้เหมาะสมกับตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงของนายสุพจน์ในขณะนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาฟังได้ว่า เป็นการซื้อให้ ไม่ใช้การให้ยืม จึงมีมติเอกฉันท์ว่า นายสุพจน์ ได้รถยนต์ดังกล่าวมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินต่อไป”
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อรถยนต์ดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ตามที่กฎหมาย ป.ป.ช. ม.103 ได้กำหนดไว้ในเรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไต่สวนพิจารณากรณีนี้ต่อไป
