ครม.ชงนาซ่าขอใช้อู่ตะเภาเข้าสภาฯ ส.ค. รับเริ่มโครงการไม่ทันปีนี้

ครม.มีมตินำเรื่องนาซ่าขอใช้อู่ตะเภาเข้าสภาฯ ตาม ม.179 ไม่มีการลงมติ เปิดโอกาสตรวจสอบเต็มที่ "สุรพงษ์" เชื่อมะกันรอได้ ฉะหากไทยเสียประโยชน์ ต้องมีคนรับผิดชอบ
วันที่ 26 มิถุนายน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 26/2555 ณ ทำเนียบรัฐบาล ถึงข้อสรุปมติ ครม.กรณีความคืบหน้าในการตัดสินใจให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า) ใช้สนามบินอู่ตะเภา ในโครงการศึกษาวิจัยรูปแบบสภาพอากาศมรสุมในเอเชียและผลกระทบของการปล่อยก๊าซต่อสิ่งแวดล้อมว่า จะนำเรื่องเข้าสู่รัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการประชุมทั่วไปไม่มีการลงมติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าว เป็นโครงการสืบเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยเป็นความร่วมมือของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์กับองค์การนาซ่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 ในการสำรวจชั้นบรรยากาศ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นข้อผูกมัดทางกฎหมาย และยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นความร่วมมือทางวิชาการ ที่จะใช้เทคโนโลยีระดับสูงสำรวจชั้นบรรยากาศ โดยจะมีห้วงเวลาดำเนินการเฉพาะฤดูมรสุม หรือในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน ซึ่งประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยีเช่นนี้
"ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์และข้อมูลเชิงรายละเอียดของสภาพภูมิอากาศเพื่อใช้ประกอบในการพยากรณ์อากาศเพื่อรองรับการพยากรณ์เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ โดยที่ทางด้านกองทัพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้เห็นชอบและตีความแล้วว่า โครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง"
ในส่วนที่ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ข้อท้วงติง หรือข้อคัดค้านและกล่าวหาที่รุนแรงจากฝ่ายค้านนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทำการชี้แจงและทำความเข้าใจต่อประชาชน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ครม.มีมติให้ใช้กลไกรัฐสภา ในการชี้แจงข้อมูลและเปิดโอกาสให้ตรวจสอบรัฐบาลได้เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าจนอาจทำให้องค์การนาซ่ายกเลิกข้อตกลงดังกล่าว หรือโครงการอาจต้องเลื่อนไปในปีหน้า ด้วยเพราะมีผลต่อปัจจัยช่วงเวลา ตามที่องค์การนาซ่าได้ระบุเวลาในเบื้องต้นวันสุดท้ายคือ 26 มิถุนายน
"เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ประเทศไทยจะเสียโอกาสพัฒนาขีดความสามารถในการพยากรณ์อากาศที่จะทำให้ได้ข้อมูลแม่นยำขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันจะหาในการวิเคราะห์และประมวลข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมให้เต็มที่ โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก"
ในส่วนความสัมพันธ์และการชี้แจงกับทางสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปชี้แจงกับทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อยืนยันความร่วมมือทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาต่อไปในอนาคต รวมถึงเหตุผลที่รัฐบาลไทยไม่สามารถเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ฟังข้อคิดเห็นได้ ส่วนทางฝ่ายค้านจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการเสียผลประโยชน์หรือไม่นั้นขอให้เป็นหน้าที่ของประชาชนทั้งประเทศตัดสิน แต่คงไม่เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาโครงการหรือข้อตกลงอื่นๆ ที่จะต้องนำเรื่องผ่านเข้ารัฐสภาทุกครั้ง นอกเสียจากเป็นโครงการหรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ
"นาซ่าขอใช้อู่ตะเภา" เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่น่าถึงขั้นต้องผ่านสภาฯ
ขณะที่ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ( องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จะให้ทุกโครงการหรือทุกข้อตกลงในด้านวิทยาศาสตร์ต้องผ่านกระบวนการหรือกลไกรัฐสภาทุกเรื่องคงไม่ได้ ในสายตานานาประเทศจะมองว่าประเทศไทยมีขั้นตอนและกระบวนการที่ยุ่งยาก เป็นผลต่อความร่วมมือด้านต่างๆ ซึ่งหากมองในแง่ผลประโยชน์ของประเทศแล้ว ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าว ไม่ถึงขั้นที่จะต้องผ่านกลไกการพิจารณาของรัฐสภา และแสดงให้เห็นว่าวิธีคิดและวิธีการของประเทศเราต้องปรับปรุงอีกมาก
"การพิจารณาครั้งนี้อาจจะกลายเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาโครงการหรือข้อตกลงอื่นๆ แต่หากจะต้องผ่านกลไกสภาทุกเรื่องคงไม่ได้ ประเทศอื่นจะว่ากระบวนการทำงานของบ้านเราซับซ้อนเกินไป และหากเราพลาดครั้งนี้หรือมีความพร้อมในปีหน้า ก็อาจใช่เวลานานเกินไป นาซ่าคงจะรอไมไหว และยังมีประเทศอื่นๆ ที่มีความพร้อมและได้ประโยชน์ไปแทน ทั้งนี้ คงจะเป็นบทเรียนของภาควิทยาศาสตร์ในการทำงานว่าจะต้องทำการสื่อสารกับสังคม เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อน"
เชื่อมะกันจะรอ ลั่นย้ำใครทำไทยเสียประโยชน์ต้องรับผิดชอบ
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและองค์การนาซ่าจะเข้าใจ และสามารถรอความพร้อมของประเทศไทยได้ เพราะเขาต้องการมาทำโครงการเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง ในส่วนของผู้ที่คัดค้านหรือสร้างความไม่เข้าใจในสังคมก็ควรต้องรับผิดชอบด้วย
