ฝนถล่มน้ำท่วมสามจังหวัด "แหลมโพธิ์" คลื่นซัดถนนขาด 300 ครัวเรือนวิกฤติ
ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องหลายวันได้ทำให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ทั้งในเขตเมืองและอำเภอรอบนอก ประชาชนในหลายพื้นที่เริ่มได้รับความเดือดร้อน เพราะน้ำได้เริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนจนต้องขนของและเคลื่อนย้ายยานพาหนะหนีไปไว้บนที่สูง ขณะที่การคมนาคมในหลายอำเภอถูกตัดขาด
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมอุตุนิยวิทยา ได้ออกประกาศเตือน ครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 1 พ.ย.2553 ระบุว่า เนื่องด้วยสภาวะอากาศในอ่าวไทยในขณะนี้มีดีเปรสชั่นในอ่าวไทยที่ละติจูด 6.5 องศาเหนือน ลองติจูด 103.5 องศาตะวันออก และกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่ง โดยคาดว่าจะเข้าในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยใน จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ภายในคืนวันที่ 1 พ.ย. หรือเช้าวันที่ 2 พ.ย. ลักษณะดังกล่าวจะทำให้อ่าวไทยมีคลื่นลมแรง และมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงขอประกาศเตือนให้ประชาชนใน จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เฝ้าระวังคลื่นลมแรงและพายุฝนตั้งแต่คืนวันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป เรือทุกชนิดควรงดออกจากฝั่ง ส่วนฝนที่ตกลงมาตั้งแต่พื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ลงไปถึง จ.นราธิวาส อาจก่อให้เกิดดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน
นอกจากนั้น เมื่อพายุลูกนี้เคลื่อนตัวข้ามไปยังฝั่งทะเลอันดามันแล้ว จะมีพายุลูกใหม่ก่อตัวขึ้นอีกในอ่าวไทย ขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้เกิดคลื่นลมแรงทางฝั่งทะเลอันดามัน จึงขอเตือนไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมอาหาร ยาประจำตัว และยาสามัญประจำบ้านไว้ใกล้มือเพื่อหยิบใช้ได้ง่ายในยามจำเป็น
น้ำทะลักท่วมสามจังหวัดชายแดน
"ทีมข่าวอิศรา" ซึ่งกระจายอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้รายงานว่า ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แล้ว ทำให้เกือบทุกพื้นที่ใน จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีน้ำท่วมขัง ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนเขื่อนบางลางซึ่งเป็นเขื่อนใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ใน จ.ยะลา ก็มีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน ทำให้หลายอำเภอใต้เขื่อนมีน้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม
จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ถนนสายบ้านนาเกตุ–บ้านเนียง ซึ่งเชื่อมระหว่าง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กับ อ.เมือง จ.ยะลา น้ำท่วมสูงจนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ถนนสายบ้านแหลมโพธิ์-บ้านตะโละกาโปร์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นถนนเลียบชายฝั่งทะเล ปรากฏว่าถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดจนถนนขาด ชาวบ้านกว่า 300 หลังคาเรือนไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ ส่วน อ.เมืองปัตตานีมีน้ำท่วมขังบนถนนทุกสาย
ที่ จ.ยะลา มีน้ำท่วมสูงที่บ้านท่าสาป อ.เมือง อ.กรงปินัง อ.ยะหา และ อ.รามัน โดยถนนสายยะหา-บันนังสตา ช่วง ต.ตาชี ถูกดินถล่มปิดเส้นทาง ส่วน จ.นราธิวาส มีน้ำท่วมที่ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร ขณะที่ อ.สุคิริน กับ อ.จะแนะ หลายตำบลน้ำท่วมถนนขาด สำหรับ อ.เมือง น้ำจากแม่น้ำบางนราเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ริมน้ำ ส่วนถนนเลียบชายหาดอ่าวมะนาว หมู่ 12 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง ถูกคลื่นลมแรงซัดขาดระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้ทางจังหวัดต้องประกาศปิดหาดชั่วคราว
"พ่อเมือง-แม่ทัพ"สั่งรับมือ
นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวดปัตตานี ได้สั่งการไปยังนายอำเภอทุกอำเภอให้เตรียมกำลังและเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
พล.ท.อุดมชัย ธรรมาสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกแถลงการณ์ว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้ตระหนักรวมทั้งได้ติดตามประเมินสถานการณ์ด้านอุทกภัยมายังต่อเนื่อง จึงได้สั่งการไปยังทุกหน่วยให้เตรียมแผนในการช่วยเหลือ โดยให้ทุกหน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) ถือว่าการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยเป็นภารกิจเร่งด่วนสูงสุดในขณะนี้ ทั้งยังมีคำสั่งไปยังหน่วยเฉพาะเกิจหมายเลข 2 ตัวทุกหน่วย ให้ร่วมมือกับส่วนราชการต่างๆ ในพื้นที่ จัดตั้ง "ศูนย์เฉพาะกิจ" เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของพี่น้องประชาชน พร้อมเปิดกองอำนวยการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับพี่น้องประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ประสานกับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ หรือโทรศัพท์สายด่วนที่หมายเลข 1341 ซึ่งเป็นเบอร์โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหมายเลข 073-262572
ชาวบ้านแหลมโพธิ์ครวญรัฐรีบช่วย-ยะหาปิดโรงเรียน
ด้านเสียงจากประชาชนในพื้นที่ นายมือลี เปาะจิ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านดาโต๊ะ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ชาวบ้านแหลมโพธิ์ไม่สามารถเดินทางออกจากหมู่บ้านได้ ไม่ว่าจะทางรถหรือทางเรือ เพราะถนนเลียบชายทะเลถูกคลื่นซัดขาด และคลื่นลมในทะเลก็แรง สูงถึง 3-4 เมตร ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน เป็นเรือเล็กอยู่แล้ว จึงไม่สามารถออกเรือได้ ทำให้ขาดรายได้ อยากขอให้ทางราชการเร่งเข้ามาช่วยเหลือเป็นการด่วน รวมทั้งหาอาชีพเสริมให้ทำหลังน้ำลดด้วย
นายอาหามะ ลาแตะ ชาวบ้าน อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า ปกติทุกปีฝนก็จะตกช่วงนี้ แต่ปีนี้หนักกว่าทุกปี ทำให้มีน้ำท่วมขัง ซ้ำยังมีพายุเข้ามาอีก ทำให้สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ แต่ก็เชื่อว่าประชาชนเข้าใจและรับมือกับภัยธรรมชาติได้ ส่วนการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เท่าที่เห็นในเบื้องต้นก็รู้สึกว่าเตรียมความพร้อมดีกว่าทุกๆ ปี
นายไพศาล อาแซ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราวิทย์ ต.ละแอ อ.ยะหา กล่าวว่า น้ำท่วมเส้นทางเข้าออกโรงเรียน จึงสั่งการให้ครูทั้งสายสามัญและศาสนาจำนวน 38 คนหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว และติดต่อผู้ปกครองให้มารับเด็กจำนวน 300 คนกลับบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมหนัก พร้อมกับประกาศปิดโรงเรียนอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินเครื่องสูบน้ำทั้ง 4 มุมเมือง เพื่อระบายน้ำออกจากเขตเทศบาล ป้องกันการระบายน้ำไม่ทันหากมีน้ำป่าไหลหลากเข้ามา นอกจากนี้ยังได้ให้ฝ่ายสวัสดิการจัดเตรียมอาหารแห้งที่จำเป็นเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในภาวะวิกฤติด้วย