"โฆษกทหาร"แจงปืนหายแค่ 20 กระบอก แม่ทัพเปิดใจทิศทางดับไฟใต้อาทิตย์นี้
ในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระราชทานพวงมาลาวางหน้าศพ "ผู้กองกฤช" กองทัพปูนบำเหน็จเลื่อนยศ 9 ขั้นให้กับทหารที่พลีชีพทั้ง 4 นาย ผบ.สส.วอนสังคมให้กำลังใจทหาร อย่าพูดเรื่องหนอนบ่อนไส้ ขณะที่โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงปืนหายแค่ 20 กว่ากระบอก ไม่ใช่ครึ่งร้อยตามที่เป็นข่าว ใต้ยังระอุ "บึ้ม-ยิง" ตายเจ็บระนาว แม่ทัพภาค 4 เปิดค่ายแถลงอาทิตย์นี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันศุกร์ที่ 21 ม.ค.2554 ที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ กองทัพเรือ จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีส่งศพ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ผบ.ร้อย ร.15121) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 พร้อมลูกน้องอีก 2 นาย คือ ส.อ.เทวรัตน์ เทวา และ พลทหารประวิทย์ ชูกลิ่น ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกโจมตีฐานปฏิบัติการที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา กลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาของแต่ละคน
ทั้งนี้ พิธีส่งศพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ พร้อมการอ่านคำสดุดีวีรกรรม โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมทั้งประชาชนกว่า 500 คน และญาติของผู้เสียชีวิตเข้าร่วมพิธี บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกสลด
สำหรับศพของ ร.อ.กฤช และ ส.อ.เทวรัตน์ นำขึ้นเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ โดยศพของ ร.อ.กฤช ตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 6 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กรุงเทพฯ โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ส่วน ส.อ.เทวรัตน์ ตั้งศพที่วัดวังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ขณะที่ศพพลทหารประวิทย์ นำขึ้นรถยนต์ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดลีลานนท์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส
ต่อมา ที่ท่าอากาศยานทหาร พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีรับศพ ร.อ.กฤช และ ส.อ.เทวรัตน์ ก่อนเคลื่อนศพไปตั้งบำเพ็ญกุศล โดยญาติมิตรของผู้เสียชีวิตไปรอรับศพเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าศพของ ร.อ.กฤช ในเวลา 16.30 น. ณ ศาลาทักษิณาประดิษฐ์ วัดพระศรีมหาธาตุฯ
ทหารที่พลีชีพทุกนายจะได้รับการปูนบำเหน็จ 9 ขั้น และได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น โดย ร.อ.กฤช จะได้เลื่อนยศเป็นพันเอก และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น ต.ช.(ตริตาภรณ์ช้างเผือก) ส่วน ส.อ.เทวรัตน์ และ ส.อ.อับดุลเล๊าะ ด๊ะหยี ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกัน จะได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย) พลทหารประวิทย์ ได้เลื่อนยศเป็นร้อยตรี และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ บ.ม.(เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย) พร้อมได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิทุกคน
"ทรงกิตติ"วอนทุกฝ่ายให้กำลังใจทหาร
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร ซึ่งมีผู้นำเหล่าทัพทุกเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือถึงเหตุการณ์คนร้ายโจมตีฐานทหารที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่เชื่อว่าผู้ที่รับผิดชอบสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะเรื่องต่างๆ ไม่ใช่ว่าเพิ่งมี
"ผมมั่นใจว่ากองทัพบกโดยแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจะแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี อยากให้ทุกคนให้กำลังใจ อย่าทำให้เสียกำลังใจ เพราะกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญต่อคนที่อยู่ตามแนวชายแดน เขาต้องทำงาน สิ่งที่เขาอยากได้ที่สุดคือความรู้สึกที่ดีต่อกำลังพลของเราทุกคน" พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงสาเหตุของการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งแนวทางในการปรับแผนปฏิบัติการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวเรื่อง "หนอนบ่อนไส้" ทำให้คนร้ายโจมตีฐานทหารได้อย่างง่ายดาย พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า อย่าไปพูดถึงหนอนบ่อนไส้ดีกว่า เพราะหน่วยมีการพัฒนาความสัมพันธ์กับประชาชนเป็นอย่างดี และประชาชนที่เข้าไปในหน่วยก็เห็นทุกอย่างในหน่วย คิดว่างานต่างๆ ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุง อย่าทำให้เกิดประเด็นที่ไม่ดี อะไรที่อ่อนด้อยต้องปรับปรุงพัฒนา ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็ยืนยันว่าต้องมีการพัฒนา
โฆษกทหารแจงปืนหาย 20 กระบอกเท่านั้น
ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า ขอชี้แจงบางประเด็นจากการนำเสนอข่าวข้อมูลคลาดเคลื่อนของบางสื่อรวม 4 ประเด็น คือ
1.ตามที่มีข่าวว่าที่ฐานปฏิบัติการซึ่งถูกโจมตีมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ และแข่งขันกีฬาในวันเกิดเหตุนั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นความจริง มีเพียงการรับประทานอาหารเย็นตามปกติ
2.ข่าวผู้ก่อเหตุตัดกระแสไฟฟ้าภายในฐานปฏิบัติการก่อนก่อเหตุ ตรวจสอบแล้วพบว่ากระแสไฟฟ้ายังใช้ได้ตามปกติ แต่ในฐานปฏิบัติการจะไม่เปิดไฟทุกดวง ซึ่งเป็นมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของฐานอยู่แล้ว
3.มีรายงานว่ามีอาคารภายในฐานเกิดเพลิงไหม้จากการวางเพลิง 4 หลัง ตรวจสอบแล้วพบว่ามีเพียง 2 หลังที่ถูกเพลิงไหม้ และไม่ใช่การวางเพลิง แต่น่าจะเกิดจากการยิงกระสุนเอ็ม 79 เข้าใส่ในครั้งแรก ซึ่งอาคารนี้มีวัตถุโฟมไวไฟเป็นส่วนประกอบ จึงอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้
4.กรณีอาวุธปืนที่สูญหายที่ยังคงมีข้อสงสัยกันว่ามีจำนวนเท่าไรแน่ ทางหน่วยต้องขอเวลาตรวจสอบจริงๆ ก่อน แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่ามีปืนที่เป็นของทางราชการถูกคนร้ายหยิบฉวยไปประมาณ 20 กว่ากระบอกเท่านั้น โดยสันนิษฐานจากยอดกำลังพลที่ลาพัก และได้นำปืนเอ็ม 16 ของทางราชการที่แจกจ่ายให้ใช้มาเก็บไว้รวมกัน
วอนสื่อเลิกใช้คำ "ปล้นปืน"
นอกจากนี้ ไม่อยากให้สื่อใช้คำว่า "ปล้นปืน" เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างจากเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อปี 2547 มาก ฐานปฏิบัติการนี้ไม่มีคลังแสง และคนร้ายปฏิบัติการแค่ 30 นาที จึงไม่เข้าลักษณะการปล้น เป็นเพียงการหยิบฉวยอาวุธปืนและของมีค่าเมื่อมีโอกาส
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นผู้แจ้งความเคลื่อนไหว ให้กับฝ่ายคนร้าย หรือที่เรียกว่า "เกลือเป็นหนอน" นั้น คงต้องรอให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่ายอดของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมีทั้ง ที่เป็นไทยพุทธและไทยมุสลิม
บึ้มรถตำรวจเจ็บ 2 ที่ปัตตานี
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงสายวันศุกร์ที่ 21 ม.ค.2554 ร.ต.ต.อานนท์ ประชารักษ์ ร้อยเวร สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดบนถนนสายชนบท สายป่าบอน-ช้างให้ตก หมู่ 1 ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถยนต์สายตรวจของตำรวจ หมายเลขทะเบียน ชผ 5198 กรุงเทพมหานคร ตกอยู่ในคูข้างทาง สภาพรถเสียหาย และพบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 2 เมตรอยู่บนถนน มีเศษถังดับเพลิงกระจายเกลื่อน
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดมี 2 ราย คือ จ.ส.ต.บุคอรี มิหนา อายุ 34 ปี และ ด.ต.อุดม กาเต็บ อายุ 44 ปี ทั้งสองเป็นผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธ์ ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตำรวจทั้งสองนายได้ขับรถสายตรวจเพื่อไปส่งเอกสารที่ สภ.โคกโพธิ์ แต่ระหว่างทางซึ่งเปลี่ยวและเต็มไปด้วยป่ายาง ได้ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดโดยขุดหลุมฝังระเบิดที่บรรจุไว้ในถังดับเพลิง น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ แรงระเบิดทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง และตำรวจทั้ง 2 นายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงทหารพรานสังเวยอีกหนึ่ง
เวลา 13.53 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันในท้องที่หมู่ 7 บ้านกอแลบีเละ ต.ปะกาฮารัง อ.เมืองปัตตานี จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน ส่วนคนเจ็บคือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มะนาเซ มีซา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ 2 บ้านจางา ต.ปะกาฮารังนั้น มีพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า อส.ทพ.มะนาเซ เป็นทหารพรานสังกัดหน่วยพัฒนาสันติที่ 43-17 ตั้งฐานอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยก่อนถูกยิง อส.ทพ.มะนาเซ ขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปละหมาดวันศุกร์ เสร็จแล้วได้ขี่รถกลับฐาน แต่ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนพกยิงใส่จนเสียชีวิต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
บุกยิงเจ้าของร้านชำลูกจ้าง 4,500 สาหัส
เวลา 21.20 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.ประภาส ทองมา ร้อยเวร สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุยิงกันในท้องที่บ้านตะโละ หมู่ 5 ต.ลิดล อ.เมืองยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่ 14 หมู่ 5 ต.ตะโละ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ พบกองเลือดขนาดใหญ่บริเวณพื้นหน้าบ้าน ส่วนผู้ที่ถูกยิงทราบชื่อคือ นายยุสรี ทา อายุ 40 ปี เป็นเจ้าของบ้าน และยังเป็นลูกจ้างในโครงการจ้างงานเร่งด่วนของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (ลูกจ้าง 4,500) ด้วย โดยนายยุสรีถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและ ขนาดเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 นัด อาการสาหัส ญาติๆ ได้ช่วยกันนำส่ง โรงพยาบาลศูนย์ยะลา
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน แล้วเดินเข้าไปหานายยุสรี ทำทีขอซื้อบุหรี่ จังหวะที่นายยุสรีเผลอ คนร้ายได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเสื้อคลุมแล้วจ่อยิงที่หน้าอก 1 นัด จนนายยุสรีล้มลง ส่วนคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัวหรือการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
แม่ทัพภาค 4 แถลงเปิดใจทิศทางดับไฟใต้อาทิตย์นี้
มีรายงานว่า พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) จะเปิดค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานบัญชาการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อชี้แจงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายหลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 ที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ เนื้อหาที่ พล.ท.อุดมชัย จะแถลงต่อสาธารณชนก็คือการเน้นย้ำว่ากองทัพจะเดินหน้าใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาต่อไป โดยไม่หวั่นไหวกับการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการยั่วยุให้ทหารใช้ความรุนแรงตอบโต้ โดยทหารและกองกำลังทุกภาคส่วนจะยึดหลักกฎหมาย สิทธิมนุษยชน รุกปฏิบัติการมวลชน และเปิดพื้นที่ให้สำหรับบุคคลที่คิดเห็นแตกต่างได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถสายตรวจของตำรวจที่ถูกแรงระเบิดอัดจนเสียหลักตกข้างทาง ที่ ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังนิ)
ขอบคุณ : คุณปาเรซ โลหะสัณห์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกประจำจังหวัดปัตตานี เอื้อเฟื้อข่าวจาก จ.ปัตตานี