แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
ตามหอการค้าไทย ไปดูแปลงสาธิต "ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ ได้ 1 แสน"
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ช่วงเวลา 4 เดือนต่อจากนี้ ( 1 กุมภาพันธ์-31พฤษภาคม 2555) รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะเดินหน้าเปิดรับจำนำมันสำปะหลังสด โดยทุ่มเงินไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อโครงการนี้
โดยกำหนดราคาจำนำอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.75 บาท ระดับความชื้นอยู่ที่ 25%
ฟังผิวเผินเหมือนดูดี แต่ผลประโยชน์จะตกอยู่กับชาวไร่มันสำปะหลัง หรือเงินจะไหลไปสู่มือพ่อค้าลานมัน และต้องเจอกับการสวมสิทธิ์ มันสำปะหลังไหลทะลักจากประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนกรณีจำนำข้าวหรือไม่ คนไทยต้องติดตาม
มีโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของหอการค้าไทย ที่น่าศึกษาอย่าง โครงการภูมิปัญญาไทย ‘ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ได้เงิน 1 แสน’ ที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมาเพื่อต้องการช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกผัก มันสำปะหลัง เลี้ยงปลา เลี้ยงกบในพื้นที่เดียวกันก็เป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นี่แค่โครงการนำร่อง ก็เห็นผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรดีขึ้น
“นายสรพงษ์ ศรีสวัสดิ์” หนึ่งในสมาชิกของโครงการฯ วัย 35 ปี เล่าถึงความพยายามในการทำไร่มันสำปะหลังตลอดชีวิต ซึ่งเขาได้ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง เพื่อจะหาวิธีทำให้ผลผลิตดี มีต้นทุนที่ต่ำ
...แต่จนแล้วจนรอด ต้นทุนกลับพุ่งสูงขึ้นทุกปีๆ
“จากประสบการณ์ในการปลูกมันสำปะหลัง เคยทำเงินได้สูงสุด 12,400 บาทต่อไร่เท่านั้น เพราะมันสำปะหลังที่ปลูกไว้ แม้จะมีอายุถึง 6 เดือน แต่หัวยังเล็กและไม่มีเชื้อแป้ง ทำให้แต่ละปีเมื่อหักกลบลบหนี้แล้ว แทบไม่เหลือกำริกำไร"
แต่หลังจากแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการ เขาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบหัวมันสำปะหลังที่มีอายุเท่ากัน ของโครงการนี้มีหัวที่ยาวและโตกว่าเดิม ดังนั้น เมื่ออายุครบ 1 ปี จึงคาดได้ว่า น่าจะมีเชื่อแป้งถึง 28% ” เขาประเมินด้วยประสบการณ์
ส่วนเคล็ดลับ ‘ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ได้เงิน 1 แสน’ ก็อยู่ที่ทางหอการค้าฯ ส่งมีผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้ในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน เช่น ต้องไถให้ลึก เพื่อช่วยให้หัวมันมีขนาดยาวขึ้น หรือวิธีการปลูกที่ต้องปลูกแบบนอน หันยอดไปทางทิศตะวันออก
นอกจากนี้ยังถูกห้ามไม่ให้ใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด ให้เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทน เพื่อรักษาคุณภาพของดิน เป็นต้น
"ผมเคยเข้ารับการอบรมความรู้ในการทำเกษตรจากองค์กรหลายแห่ง แต่การปลูกมันสำปะหลังในโครงการนี้ แม้จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากไปสักหน่อย แต่ก็คุ้มมากหากเทียบกับสิ่งที่ได้กลับคืนมา เช่น เทคนิคในการปลูกมันฯ การส่งเสริมให้ทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ปลูกพืชผักคั่นเวลาระหว่างรอใบมันฯ คลุมดิน ปลูกกล้วย อ้อย มะรุมรอบๆ แปลง รวมถึงขุดบ่อเลี้ยงปลา เพื่อเพิ่มรายได้" สรพงษ์ เล่าถึงองค์ความรู้ที่ได้ ซึ่งทำให้เขาเริ่มเข้าใจ หากปลูกมันฯ อย่างเดียว รายได้ก็จะมาจากทางเดียว
เฉกเช่น นายสมาน พุทธนิมน หรือ ‘หมัน’ วัย 52 ปี ซึ่งก็ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ในโครงการปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน จนทำให้เขารู้จักการทำเกษตรรูปแบบใหม่ที่เน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกทั้งมันสำปะหลัง กล้วย ฟักทอง ต้นหอม ตะไคร้ มะยม มะรุม รวมถึงขุดบ่อเลี้ยงปลา น้ำในบ่อก็เอาไปรดต้นมัน ส่วนใบมัน ใบกล้วย ใบมะรุม ก็นำมาใช้เป็นอาหารของปลาได้
ถึงวันนี้ "สมาน" กับสมาชิกในครอบครัว 4 ชีวิต มีชีวิตความเป็นอยู่สบายขึ้น แถมยังมีเวลาได้พักผ่อน และได้อยู่กับธรรมชาติ
“สภาพความเป็นอยู่ขณะนี้ดีกว่าเมื่อครั้งเริ่มจับจอบจับเสียมมาก เพราะทำไร่มันมา 20 ปี ผลผลิตสูงสุดที่เคยได้อยู่ที่ 10 ตันต่อไร่ ถ้าโชคดีราคาขายหัวมันอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาท ก็ได้เงินมากสุดแค่ 30,000 บาทต่อไร่เท่านั้น แต่ต่อจากนี้ไปคาดว่า ผลผลิตจะมีปริมาณสูงขึ้น จนทำให้อาชีพเกษตรกรรม เป็นอาชีพที่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ ความสุขของเกษตรกรได้”
ด้านนางวิภาดา กำเนิดทอง เกษตรกรหญิงอีกผู้หนึ่งที่เข้าร่วมโครงการฯ เล่าถึงชีวิตผันตัวเองจากการเป็นชาวนาในเมืองแปดริ้ว ย้ายภูมิลำเนามาอาศัยอยู่ที่จังหวัดระยอง และได้ปรับเปลี่ยนอาชีพมาเป็นชาวไร่มันสำปะ
ในช่วงแรกที่ยังมีพื้นที่ทำการเกษตรไม่มาก ก็ลงมือเพาะปลูกและดูแลไร่ด้วยตนเองทั้งหมด แต่เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของครอบครัว เธอจึงตัดสินใจเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูก เช่าที่ดินและจ้างแรงงานเพิ่ม รวมทั้งหันมาใช้สารเคมีในการเกษตร เพื่อช่วยย่นระยะเวลาในการดูแลรักษา แต่ในที่สุด ช่วงที่ราคามันตกต่ำขายได้กิโลกรัมละ 0.50 สตางค์ เธอก็สุดทนจนต้องตัดใจเลิกปลูกมันสำปะหลังไปในที่สุด
แต่กับโครงการนี้ "วิภาดา" แสดงเจตจำนงเข้าร่วม หวังเข้ามาเรียนรู้การปลูกมันสำปะหลังแบบใหม่ ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การเตรียมดิน คัดเลือกพันธุ์ วิธีการปลูก ระยะห่างระหว่างต้น ระยะเวลาในการใส่ปุ๋ย ทำให้หัวมันมีจำนวนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้เสี้ยวหนึ่งเธอจะกังวลและไม่มั่นใจในเรื่องราคาราคาผลผลิต แต่เธอเชื่อว่า โครงการนี้น่าจะช่วยให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพิ่มรายได้และทำให้ชีวิตดีอยู่ของครอบครัวดีขึ้น
ส่วนนางเรณู คล้ายสุบรรรณ ชาวไร่เกษตรอินทรีย์มาบยางพรอีกคน ซึ่งทำอาชีพปลูกมันสำปะหลังมา 20 กว่าปี มีแปลงมันฯ 30 ไร่ ใช้วิธีปลูกแบบปัก ดูแลด้วยปุ๋ยเคมีและกำจัดวัชพืชโดยสารเคมีทั้งหมด ผลผลิตที่ได้ คือ หัวมันสำปะหลังไม่ใหญ่ ผลผลิตได้น้อย แถมสภาพดินยังเสียอีก
แต่เมื่อเธอเข้าร่วม ‘ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน’ ทำการทดลองปลูกตามโครงการฯ ไป 1 ไร่ ระยะเวลา 4 เดือน เมื่อลองถอนมาตรวจวัดปริมาณแป้งได้ 24% "เรณู" จึงคาดว่า อีก 8 เดือนข้างหน้าจะสามารถขายได้ปริมาณแป้งถึงเกณฑ์ 30% และจะได้ราคาดีที่สุดอย่างแน่นอน
"เมื่อการปลูกมันสำปะหลังมีแบบแผนมากขึ้น ระยะการปลูกห่างขึ้น ทำให้รากมันขยายได้มากกว่า แม้จะปลูกเพียงแค่ 1 ไร่ ก็ได้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ขายได้ราคาเป็นที่พอใจ จากเมื่อก่อนที่คุณภาพไม่ดี มีปริมาณแป้งเพียง 27-28% เท่านั้น"
ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยผลการดำเนินโครงการนี้ รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินไว้ว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ แบบเต็มรูปแบบ ปลูกมันสำปะหลัง เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปลูกพืชเสริม รวมทั้งปลูกพืชในพื้นที่ว่าง มีรายได้เพิ่มขึ้น ในส่วนของมันสำปะหลังเมื่อปลูกครบ 1 ปีจะมีรายได้ขั้นต่ำเฉลี่ย 43,000 บาท หากรวมกับรายได้จากการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์แล้ว ประมาณการณ์ว่า เกษตรกรจะมีรายได้ประมาณ 120,000 บาท ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 22,700 บาทเท่านั้น
"มันสำปะหลังอายุ 6 เดือน จะมีต้นสูง 3 เมตร มีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 7,832 กิโลกรัมต่อไร่ และมีเชื้อแป้งเฉลี่ยอยู่ที่ 24.05% ซึ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลผลผลิตมาตรฐานมันสำปะหลังต่อไร่ ที่เก็บเกี่ยวเมื่ออายุครบกำหนด 12 เดือน ของสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 4,713.50 กิโลกรัมต่อไร่ พบว่า ผลผลิตโดยเฉลี่ยของผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทางจังหวัด"
ยิ่งหากประมาณการผลผลิตมันสำปะหลังไปจนถึงครบกำหนด 12 เดือนด้วยแล้ว โดยใช้หลักการอ้างอิงของผู้เชี่ยวชาญด้านมันสำปะหลังที่ระบุว่า ตามปกติการเจริญเติบโตของมันสำปะหลังจาก 6 เดือนไปถึง 12 เดือนอยู่ในช่วงระหว่าง 1-2 เท่า ก็จะพบว่า กรณีที่มันสำปะหลัง มีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักเป็น 1 เท่า ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,664 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนกรณีที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 19,580 กิโลกรัมต่อไร่ และหากน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 23,496 กิโลกรัมต่อไร่"
และแม้การเพาะปลูกมันฯ จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่หัวหน้าทีมวิจัยฯ ก็เชื่อว่า กำไรที่เกษตรกรจะได้นั้น สูงกว่าต้นทุนถึง 1 เท่าตัว หรือมากกว่านั้นอย่างแน่นอน....