'ซีทีเอ็กซ์'ยืด ปปช.นัดอีก28ส.ค. อ้างมีหลักฐานเพิ่ม
คดี CTX ยังไม่จบ ปปช.นัดอีก 28 ส.ค.นี้ อ้าง ยังมีหลักฐานอื่นๆ พิจารณาเพิ่ม อาทิ ใบเสร็จ หลักฐานการจัดซื้อเป็นภาษาอังกฤษที่ต้องแปลไทย เชื่อเมื่อพร้อมชี้มูลความผิดได้ ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
วันนี้ 21 ส.ค.ได้มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเรื่องหนึ่งที่ได้รับความสนใจ คือ รายงานผลการพิจารณาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ และการหาข้อยุติเกี่ยวกับการฟ้องคดี ในกรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนระบบ สายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (CTX)
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นว่า มีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่มีมูลให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนระบบสายพาน ลำเลียงกระเป๋า สัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (CTX) ได้กระทำความผิดในฐานความผิดอื่น นอกเหนือจากฐานความผิดที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสีย หายแก่รัฐ (คตส.) ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติไว้ แต่โดยที่พยานหลักฐาน ที่นำไปสู่ฐานความผิดอื่นดังกล่าว เป็นเอกสารภาษาอังกฤษ
ที่ประชุมจึง มีมติมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. แปลเป็นภาษาไทยเฉพาะในประเด็นที่สำคัญ แล้วเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ในการประชุมวันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2555 นี้ ซึ่งที่ประชุมจะได้นำมาพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
ด้าน นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีความเห็นให้เลื่อนการพิจารณาสำนวนไต่สวนการทุจริตโครงการจัดซื้อและ ติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และการก่อสร้างระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ในสนามบินสุวรรณภูมิ ออกไปเป็นในวันที่ 28 ส.ค. เนื่องจากต้องรอการแปลเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษจากอัยการและหน่วยงานยุติธรรม ของสหรัฐอเมริกา บางส่วนที่เพิ่งส่งมาให้เพิ่มเติม เพื่อความรอบคอบประกอบการลงมติอีกครั้ง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังพบความผิดเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 7-8 ราย ไปพัวพันกับตัวแทนบริษัทจำหน่ายเครื่องซีทีเอ็กซ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสีย หายแก่รัฐ (คตส.) ไม่ได้ตั้งเรื่องส่งมาให้ ป.ป.ช. ทำให้ป.ป.ช.ต้องไต่สวนเพิ่มเติม ในเรื่องนี้เชื่อว่า ในวันที่ 28 ส.ค. จะลงมติตัดสินได้อย่างแน่นอน หากมีหลักฐานเพียงพอ ป.ป.ช.จะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลเอง แม้อัยการสูงสุดจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
"ยืนยันว่า การทำงานของ ป.ป.ช. มีอิสระ นักการเมืองไม่สามารถมาครอบงำ หรือดึงเรื่องได้ แม้คดีนี้จะมีผู้เกี่ยวข้องเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีก็ตาม แต่ไม่รู้สึกกดดัน การพิจารณาคดีนี้จะยึดกฎหมายไทยเป็นหลัก ไม่ได้ยึดกฎหมายของต่างประเทศ" นายวิชัย กล่าว.

