รู้จัก "ดร.วิทยา สุหฤทดำรง" เมสไซอาห์ ธุรกิจหนังสือไทย
มาทำความรู้จัก "ดร.วิทยา สุหฤทดำรง" ผู้ถูกเลือกให้มาหา "ทางรอด" สำหรับอุตสาหกรรมหนังสือไทย ที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่น ลบ.
ในการประชุมอนุกรรมการพิจารณา เรื่อง การเรียกเก็บค่าบริการศูนย์กระจายสินค้า หรือค่า Distribution Center (DC) ที่มี “นายเสน่ห์ ดงยะโสภา” เลขาธิการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย นั่งหัวโต๊ะ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา
เพื่อหย่าศึก กรณี “ร้านซีเอ็ด-ร้านนายอินทร์” ขอเรียกเก็บค่า DC จากคู่ค้าในอัตรา 1% จากราคาปก ที่สร้างความไม่พอใจให้คนบางกลุ่ม จนเรียกเงินดังกล่าววว่า กินเปล่า, กินดิบ, ค่าต๋ง หรือแป๊ะเจี๊ยะ
แต่ท้ายสุดหลังจากการปิดห้อง เปิดอก พูดคุยกัน “แบบพี่ๆ น้องๆ” ก็ได้ข้อสรุปออกมาที่น่าพอใจ ซึ่งนอกจาก 2 เชนสโตร์ยักษ์จะยุติการเก็บค่า DC แล้ว
ยังจะมีการตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ” ขึ้นมาหาวิธีลดต้นทุนในอุตสาหกรรมหนังสือ โดยเชิญคนกลางอย่าง “ดร.วิทยา สุหฤทดำรง” (นามสกุลอ่านว่า “สุ-หะ-ริด-ดำ-รง”) มานำขบวน ขีดเส้นให้ศึกษาเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้
น่าสนใจว่า โปรไฟล์ของ “ด๊อกเตอร์วิทยา” เป็นอย่างไร เหตุใดจึงถูกมอบหมาย ให้เข้ามาทำหน้าที่หย่าศึกในธุรกิจมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านนี้ได้
ในเว็บไซต์ http://www.vithaya.com ซึ่ง ดร.วิทยา จัดทำขึ้นเอง ระบุว่า เขาเป็น Lean Logistics Supply Chain Thinker พร้อมเขียนแนะนำตัวเองไว้ว่า
“ผมอยากนิยามตัวเองว่าเป็น Thought Leader หรือผู้นำความคิด เป็น Evangelist หรือผู้ป่าวประกาศ คือผมเป็นนักคิดครับ เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ติดตามความรู้ใหม่ๆ และเป็นคนชอบนำมาถ่ายทอด ดังนั้น เรื่องราวที่ผมเขียนหรือบรรยายทั้งหลาย จึงไม่ได้มีที่มาจากการเรียนในห้อง หรือลงมือทำเองจริงๆ และผมก็ได้คำถามจากผู้ฟังมาคิดต่อ เพื่อยืนยันความคิดของผม
“ผมจบจากพระจอมเกล้า ลาดกระบัง (รุ่น 21) ก่อนจะได้ทุนไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จนจบปริญญาโท และเอก (Engineering Management และ Industrial Engineering) จาก Wichita State University (Kansas) และกลับมารับราชการที่ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 12 ปี และเพิ่งลาออกจากราชการ (2552) มาร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดหลักสูตรและคณะใหม่ทางด้านลอจิสติกส์และโซ่อุปทาน กับเพื่อนๆ น้องๆ ร่วมอุดมการณ์ ใช้ชื่อว่าสถาบันวิทยาการโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain Intelligence Institute หวังว่าจะผลิตนักคิด นักวิจัย นักแก้ปัญหา มากกว่าที่จะผลิตจำนวนบัณฑิต
“ผมพยายามใช้ความรู้ความคิดของผมเพื่อแนะนำธุรกิจอุตสาหกรรม ผมจึงมีงานสอนในมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกมาก บรรยาย ฝึกอบรม หรือเป็น ที่ปรึกษาให้แก่องค์กรธุรกิจและราชการ ทำงานวิจัยทั้งระดับแมคโครและระดับอุตสาหกรรม เขียนบทความและหนังสือ แปลหนังสือ และเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ ฯลฯ โดยหวังว่าเหล่านี้เป็นหนทางที่ช่วยให้คนไทยมีองค์ความรู้ในระดับโลกอีกทางหนึ่ง"
ส่วนประวัติส่วนตัวที่มีการแนบเป็นไฟล์ pdf ไว้ ก็ยาวเหยียดอ่านกันตาลาย
ตำแหน่ง
-ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยศรีปทุม (อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ)
-ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายไพฑูรย์ แก้วทอง)
-CEO บริษัท อี.ไอ.สแควร์ จำกัด และ อี.ไอ.สแควร์ สำนักพิมพ์
ประวัติการศึกษา
-Ph.D in Industrial Engineering, Wichita State University , Wichita , Kansas , USA.
- M.S. in Engineering Management Sciences, Wichita State University , Wichita, Kansas , USA.
-วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง (วิศวกรรมไฟฟ้า)
งานสอน
-อาจารย์พิเศษภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
-อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (Master of Science in Supply Chain Management, Master of Technology Management)
-อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (โลจิสติกส์) วิชา Operation Mgt.
-วิทยากรหลักประจำหลักสูตร Executive Certificate in Supply Chain Management จัด โดยมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (รุ่นที่ 3-10)
-อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาลัยพาณิชย์นาวีสาขาวิชาการจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ วิชาการวางแผนการจัดการการขนส่งสินค้า และวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ วิชา Logistics Management และอีกหลายหลักสูตร
-อาจารย์พิเศษ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง / มหาวิทยาลัยรังสิต / มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต / มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย / มหาวิทยาลัยกรุงเทพ / มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ (ประสานมิตร) / มหาวิทยาลัยรังสิต ฯลฯ
หนอนหนังสือมากดีกรีรายนี้ จะเข้ามาช่วยหาทางรอด เป็น "เมสไซอาห์" ให้กับธุรกิจหนังสือไทยได้อย่างไร โปรดจับจ้องแบบตาไม่กระพริบ อีกไม่เกิน 3 เดือนก็จะรู้คำตอบ !!!
