“วิชา”ชี้ 2 ปม“ยงยุทธ”อาจรอดคดีอัลไพน์

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. เวลา 12.00 น. ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกวินิจฉัยว่ามีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงจากคดีดังกล่าว เตรียมยก พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550 มาต่อสู้ไม่ให้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย วินิจฉัยลงโทษให้ไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก ซึ่งจะเข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) ประกอบมาตรา 174(4) ว่า คงต้องกลับไปดูก่อนว่า กระทรวงมหาดไทยเคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัยกับนายยงยุทธในเรื่อง ดังกล่าวหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ไม่มีประเด็นให้ต้องพิจารณาเพิ่มเติม อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยต้องวินิจฉัยตามที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดไป ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.
“หากมี ก็ต้องกลับไปดูคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งออกมา 2 แนวทาง แนวทางแรก บอกว่า การถูกล้างมลทินไม่มีผลผูกพันกับการดำเนินคดีของ ป.ป.ช.ในเวลาต่อมา อีกแนวทาง บอกว่ามีผลผูกพัน” นายวิชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายยงยุทธถูก ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 3 เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2555 ชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยร้ายแรง กรณีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ใน จ.ปทุมธานี อันเป็นการโอนที่ธรณีสงฆ์โดยมิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย เหตุเกิดเมื่อปี 2545 (อ่านรายละเอียด)
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงมหาดไทย อ้างว่า นายยงยุทธเตรียมยก พ.ร.บ.ล้างมลทิน ขึ้นมาล้างความผิดของตัวเองซึ่งเกิดขึ้นในปี 2545 ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องถูกลงโทษทางวินัย ไม่ว่าจะเป็นไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก จนเข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) จนต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและ ส.ส.ตามลำดับ
สำหรับ พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2550 ในส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีของนายยงยุทธอยู่ในมาตรา 5 ได้แก่ “ให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธ.ค.2550 และได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ” แต่ถ้าพิจารณาจากถ้อยคำ นายยงยุทธไม่น่าจะได้รับอานิสงส์จาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะไม่เคย "ได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ"
