“ปลอดประสพ” อ้าง “ยงยุทธ” ถูกล้างมลทินนานแล้ว ถึงโดนไล่ออกก็ไม่หลุด รมต.-ส.ส.

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2555 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย เตรียมอ้าง พ.ร.บ.ล้างมลทิน เพื่อไม่ให้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย พิจารณาลงโทษทางวินัยร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งจะทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) และมาตรา 174(4) โดยมีการยกกรณีที่นายปลอดประสพอ้างว่าได้อานิสงส์จาก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจากกรณีที่ถูก อ.ก.พ.สำนักนายกรัฐมนตรี มีมติให้ไล่ออกจากราชการ จากกรณีให้บริษัท ศรีราชาไทเกอร์ซู จำกัด ส่งออกเสือโคร่งเบงกอล จำนวน 100 ตัวไปยังประเทศจีนมาเปรียบเทียบ ว่า ผมได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวไปแล้ว มติ อ.ก.พ.และคำสั่งของนายกรัฐมนตรี (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) สมัยนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต่อมาเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯก็ได้ยกเลิกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวแล้ว
เมื่อถามว่า เหตุที่ได้ล้างโทษทางวินัยทั้งที่การลงโทษเกิดหลัง พ.ร.บ.ล้างมลทินใช้ในปี 2550 แล้ว มาจากอะไร นายปลอดประสพ กล่าวว่า เพราะคำสั่งดังกล่าวเป็นการลงโทษย้อนหลัง
เมื่อถามว่าก่อนปี 2550 เคยได้รับการลงโทษแล้วล้างมลทินไปแล้วหรือมีการลงโทษหลังปี 2550 ครั้งเดียว นายปลอดประสพ กล่าวว่า ครั้งเดียว คือตอนที่ อ.ก.พ.มีมติลงโทษทางวินัย ดังนั้นพอ พล.อ.สุรยุทธ์เซ็นคำสั่ง มันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายทันที เพราะเวลานั้นผมได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินแล้ว
เมื่อถามว่าแปลว่ากรณีนายยงยุทธซึ่งไม่เคยมีการลงโทษมาก่อนปี 2550 ก็น่าจะได้รับอานิสงส์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินเช่นกัน นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในความเห็นผม ใช้ พ.ร.บ.เดียวกับผม ล้างเหมือนกัน เพราะเหตุเกิดสมัยเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนมี 2550 ดังนั้น พ.ร.บ.ล้างมลทินจึงมีผล
เมื่อถามว่าแปลว่า อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องลงโทษทางวินัยกับนายยงยุทธแล้ว นายปลอดประสพ กล่าวว่า ต้องลงโทษ แต่ทันทีที่ถูกลงโทษ เท่าที่ผมรู้ โทษก็จะถูกล้างทันทีในวินาทีนั้น โดยไม่ต้องขออะไรจากใครเลย ไม่ว่า อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยจะลงโทษอะไรกับนายยงยุทธ พอขาดคำนั้น พ.ร.บ.ล้างมลทินก็มีผลทันที เพราะ พ.ร.บ.ล้างมลทินเป็นสิทธิ ที่ทุกคนซึ่งเข้าข่ายจะได้รับผลทันที โดยไม่ต้องไปขอจากใคร
“คำถามคือ ป.ป.ช.มีมติให้ลงโทษทางวินัยกับคุณยงยุทธตอนนี้หรือย้อนหลัง ก็ย้อนหลังใช่ไหม เมื่อลงโทษย้อนหลังก่อนปี 2550 พ.ร.บ.ล้างมลทินก็ต้องมีผลสิ ถ้าคุณลงโทษเขาวันนี้อย่างนี้ถึงจะใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทินไม่ได้ แต่คุณไปลงโทษเขาวันนี้ไม่ได้ เพราะคุณยงยุทธเขาไม่ใช่ข้าราชการแล้ว” นายปลอดประสพกล่าว
เมื่อถามว่าหากมีการลงโทษนายยงยุทธ ไม่ว่าจะไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก จะทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีและ ส.ส.ด้วยหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่ต้องสิ เพราะมันสอดไปเลย
นายปลอดประสพยังกล่าวถึงการดำเนินคดีทางอาญา กรณีส่งเสือโคร่งเบงกอล จำนวน 100 ตัว ไปประเทศจีน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีข้อกำหนดไม่ให้ ส.ส.ถูกดำเนินคดีระหว่างนี้ หมดสมัยประชุมสภาฯค่อยว่ากันอีกที อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะต่อสู้คดีได้ เพราะ 1.เสือโคร่งเบงกอลดังกล่าวไม่ใช่เสือไทย 2.กองคุ้มครองสัตว์ป่าตามอนุสัญญาไซเตสก็ระบุว่าถูกต้อง 3.รัฐบาลจีนก็ยืนยันมาว่าไม่ใช่การค้า 4.สมัยนั้นผมเป็นอธิบดีกรมป่าไม้มีอำนาจในการลงนาม และ 5.การส่งออกเสือโคร่งเบงกอลดังกล่าวเป็นเพราะมีบุคคลสำคัญในรัฐบาลจีนทำเรื่องขอร้องมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ความเห็นของนายปลอดประสพ สวนทางกับที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยมีความเห็นไว้ ในเรื่องเสร็จที่ 234/2552 ที่ระบุถึงกรณีที่ถูกลงโทษหลัง พ.ร.บ.ล้างมลทิน มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค.2550 แม้การกระทำจะเกิดก่อน ว่า “หากผู้ถูกดำเนินการทางวินัยยังไม่ได้รับโทษ จะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทิน จึงดำเนินการทางวินัยกับผู้นั้นตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติได้” http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/57-2012-08-12-13-59-01/16270--3-.html
สำหรับ พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2550 ในส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีของนายยงยุทธอยู่ในมาตรา 5 ได้แก่ “ให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวัน ที่ 5 ธ.ค.2550 และได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ” แต่ถ้าพิจารณาจากถ้อยคำ นายยงยุทธไม่น่าจะได้รับอานิสงส์จาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะไม่เคย "ได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ"
