ชี้แกนนำ นปช.ทั้ง “ตู่-เต้น-กี้-แรมโบ้” พ่วง "แม้ว” ปราศรัยยั่วยุรุนแรง มีโทษอาญา

เนื้อหาที่น่าสนใจในรายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีจำนวนถึง 276 หน้า (ไม่รวมภาคผนวก) และเปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่หมด เพราะนอกจากเรื่องชายชุดดำ ใครฆ่าเสธ.แดง ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ข้อเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฯลฯ
ก็ยังมีส่วนที่ระบุถึง “การปราศรัยที่มีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรง (อยู่ในข้อที่ 2.5.4 ระหว่าง น.162-167)”
โดย คอป.สรุปว่า พบว่าการในการชุมนุมของ นปช. ก่อนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 12 มีนาคม ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ มีการปราศรัยโดยแกนนำ นปช.บนเวทีหลายครั้ง ที่มีลักษณะเป็นการยั่วยุ ชี้นำ ส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง ต่อเนื่องมาจนถึงการชุมนุมระหว่างเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม 2553 ก็ยังคงมีการปราศรัยในลักษณะดังกล่าว โดยจากภาพวีดิโอการปราศรัยพบว่า ผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ยอมรับและแสดงอาการพึงพอใจกับเนื้อหาการปราศรัยโดยการปรบมือ โห่ร้องสนับสนุน โดยไม่มีการแสดงท่าทีคัดค้านไม่ว่าจากผู้เข้าร่วมชุมนุมหรือผู้ปราศรัยคนอื่น และไม่ปรากฏว่าแกนนำคนอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้จัดการและผู้นำการชุมนุมได้พยายามดำเนินการใดๆ ที่เป็นการคัดค้านหรือป้องกันมิให้เกิดการกระทำดังกล่าวขึ้นอีก โดยพบการปราศรัยในลักษณะดังกล่าวตามลำดับเวลาดังต่อไปนี้
ตาราง : การปราศรัยที่มีลักษณะเป็นการยั่วยุ ชี้นำ หรือส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง
|
เหตุการณ์ |
เนื้อหาการปราศรัย |
|
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัย ณ เวทีการชุมนุมของ นปช. ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 23 –24 มกราคม 2553 [1] |
“ถ้าพวกคุณยึดอำนาจ พวกผมเผาทั่วประเทศ เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วใครจะจับใครจะอะไรมาเอากับผม ถ้าคุณยึดอำนาจ เผา” |
|
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ปราศรัยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2553 ณ เวทีการชุมนุมของ นปช. ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี |
“ดังนั้นพอเดือนเมษา [ 2552] เราถึงแตกทัพ....กาลเวลาผ่านมาจากเดือนเมษา...ถึงเดือนตุลา เริ่มมีนักรบดำ คือทหารพรานเข้ามาที่เวทีที่สนามหลวง พอเดือนพฤศจิกา มาอีกครั้ง ไม่ใช่การ์ดธรรมดาที่คุณอารีย์เขาจ่ายเบี้ยเลี้ยง...ขณะนี้บู้กับบุ๋นมันมาชนกัน หมายความว่า การที่ต่อสู้วันนั้น เราไม่ได้มีการต่อสู้ด้วยแก้วสามประการ คือ พรรค แนวร่วม กองกำลังติดอาวุธ เพราะว่าเราสู้กันคือการอหิงสา แต่พอคุมไม่อยู่ มันดิ้นไปเป็นจลาจล...ถึงเวลามาสุดท้าย เกิดกองกาลังติดอาวุธขึ้นมา มันครบแก้วสามประการ มันพร้อมรบแล้ว” |
|
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก |
“พี่น้องนัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่า เขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามาหนึ่งล้านคนในกรุงเทพมหานคร มีน้ำมันหนึ่งล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน" “การสู้ของคนเสื้อแดงแบบง่ายๆ อย่างนี้ บอกให้ทหารได้รับได้ทราบ บอกให้ทหารสุนัขรับใช้อำมาตย์ได้รู้ว่า ถ้าคุณทำร้ายคนเสื้อแดง แม้เลือดหยดแต่หยดเดียวนั่นหมายความว่า กรุงเทพฯ จะเป็นทะเลเพลิงทันที ส่วนต่างจังหวัด จตุพร (พรหมพันธุ์) ได้บอกแล้ว ให้รอฟังข่าวว่า พี่น้องที่อยู่ในต่างจังหวัด ไม่ได้มาไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นทันทีรวมตัวกันที่ศาลากลาง ไม่ต้องรอเงื่อนไข จัดการให้ราพณาสูรเหมือนกัน” “ส่วนในกรุงเทพนี้พี่น้องฟังให้ดีว่า ครั้งหนึ่งตอนที่พฤษภาทมิฬ มันมียุทธวิธีที่จะเอาทหารมาปราบพี่น้องประชาชน แต่ก็มีขบวนมอเตอร์ไซค์รักชาติ ได้จัดการไฟเขียวไฟแดงตามสี่แยกต่างๆ เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวาย รถติดกันทั้งกรุงเทพ รถ … ทั้งรถยีเอ็มซี ไม่สามารถส่งทหารมาจัดการกับพี่น้องประชาชนได้ในครั้งนั้น ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เราไม่ต้องปฏิบัติให้มันยุ่งยากจัดการสี่แยกไฟแดงให้เรียบ รถในกรุงเทพมหานครช่วยกันปล่อยลมยางทั้ง 4 ล้อให้มันติดทั้งกรุงเทพ อยากจะรู้ว่ารถทหาร มึงจะเข้ามายังไง แล้วถ้าทหารจะเข้ามาจริงๆ มันก็ต้องเดินเท้าเข้ามา ลองคิดดูว่า จะใช้ประชาชนใช้ทหารเท่าไหร่ คำนวณดูให้ดี พี่น้องไม่ต้องใช้อาวุธ พอเห็นทหารเดินเข้ามา เราเข้าไปใกล้ๆ 1 ต่อ 3 จัดการแล้วก็มัดทหารเอาไว้ ยึดปืนเอาไว้ ปฏิบัติตามนี้รับรองได้ว่า คนเสื้อแดงชนะพวกอำมาตย์อย่างแน่นอน” “วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ เป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตายเท่านั้นพี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้น คนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมือง และมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอ นั่นคือกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุน และปกป้องคนเสื้อแดง และพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน” |
|
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2553 ณ เวที นปช. จังหวัดขอนแก่น |
"พี่น้องที่จะเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ด้วยกัน เตรียมตัวให้พร้อม อย่างแรกคือ 1 เสื้อผ้า ข้าวปลา อาหารแห้ง และขวดแก้ว 1 ขวด จำนวน 1 ล้านคน เราจะไปที่กรุงเทพฯ ขวดของเรานั้นไม่ต้องใส่น้ำมันไปจากขอนแก่น ไปซื้อเอาที่กรุงเทพฯ คนละ 1 ลิตร... 1 ลิตรเพื่อต่อรองกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า คุณจะคืนรัฐธรรมนูญ 40 ให้กับคนเสื้อแดงหรือไม่ 1 ลิตรนี้เพื่อบอกกับอำมาตย์ว่า ถ้าคุณเข่นฆ่าคนเสื้อแดงเลือดตกยางออกสัก 1 หยด นั่นหมายความว่าคุณก็จะไม่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้เหมือนกัน" |
|
นายสุพร อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ปราศรัยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 ณ เวทีชุมนุม นปช. จังหวัดอุดรธานี |
"ถ้ามีการปฏิบัติเมื่อไหร่....ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัด แกนนำตามภูมิภาค ให้เป้าหมายศาลากลางทันที และแน่นอนที่สุด เข้าไปอยู่ศาลากลาง อากาศคืนนี้ที่อุดรฯ มันหนาวยิ่งนัก มันจำเป็นต้องก่อไฟผิงกันสักหน่อย" “นายชาตรี ธนาคารกรุงเทพ สมุนอำมาตย์ทั้งนั้นที่ให้เงินเล่นงานพวกเรา" “และจุดจบของอำมาตย์เปรม ก็ไม่ต่างจากผู้นาอิรัก ที่ชื่อซัดดัม ฮุสเซน นั่นหมายความว่า จุดจบของอำมาตย์เปรม ต้องถูกแขวนคอ โดยประชาชน ที่ต้นมะขามท้องสนามหลวง เพราะคุณทำลายชาติ ทาลายประชาชน และสั่งกองทัพเข่นฆ่าประชาชน เป็นครั้งที่ 2" |
|
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 ณ เวทีชุมนุม นปช. จังหวัดอุดรธานี |
“ครั้งนี้จะเป็นการคิดบัญชีรัฐบาลทรราชอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพวกอำมาตย์เฒ่าทั้งหลาย คุณไม่ต้องมาบอกว่าสถานที่สำคัญที่เขาจะไปก่อวินาศกรรม คุณไม่ต้องไปปูดข่าวบอกว่าสถานที่ที่เป็นศาสนสถานของพวกมุสลิม โรงพยาบาลแล้วก็ถนนราชวิถี สะพานข้ามแม่น้าโรงพยาบาลศิริราช สนามบิน ทำเนียบ กระทรวงสำคัญๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ ค่ายทหาร บ้านบุคคลสำคัญ และศาลยุติธรรม และองค์กรอิสระ คุณไม่ต้องบอก ถ้าหากว่าคุณใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง รับรองว่าไอ้สิ่งที่คุณพูดถึงนี้จะไม่เหลืออยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน” |
|
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2553 ณ เวทีสะพานผ่านฟ้า |
“แต่ถ้าวันพรุ่งนี้อำมาตย์ยังคงอยู่ อภิสิทธิ์ไม่คืนอำนาจ เรื่องวันพรุ่งนี้จะเป็นเรื่องของผมคนเดียวล้วนๆ วันนี้ประชาชนเสียเลือด พรุ่งนี้อำมาตย์ยังไม่หยุด อภิสิทธิ์ยังไม่ยุบสภา กูจะไปเอาเลือดมึงหัวมึงมาล้างเท้าให้ได้ ไอ้เทพ ไอ้มาร์ค ไอ้หน้าหนา ไอ้ใจหยาบช้า ฟังให้ดี วันนี้ประชาชนเสียเลือดนับล้านซีซีขอให้คืนประชาธิปไตยให้พื้นปฐพี ให้คนทั้งแผ่นดิน ถ้าวันพรุ่งนี้ยังไม่สานึกในประชาธิปไตยของคนส่วนใหญ่ จะขออนุญาตนาทัพไปบ้านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย ผมอยากดูว่าเลือดชั่วในหัวมันจะแดงเข้มเหมือนคนเสื้อแดงในนี้หรือไม่” |
|
นายวีระ มุสิกพงษ์ ปราศรัยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2553 ณ เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ |
“มึงจะทารุนแรง มึงมาทำกะไอ้แกนนำนี่ ยืนรับมึงอยู่ทุกเวลานาที อย่าให้พี่น้องเขาเดือดร้อน แล้วนึกว่ายุทธวิธีแบบนี้จะทำให้พี่น้องแตกฉานซ่านเซ็นกลับบ้าน ไอ้เรื่องแตกกลับบ้าน เป็นไปได้ แต่จะบอกให้รู้ไว้ว่า ไฟจะลุกท่วมทั่วตารางนิ้วของประเทศไทย” |
|
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2553 ณ เวทีแยกราชประสงค์ |
”ขอให้เสื้อแดงซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ฟังภารกิจดังต่อไปนี้ ให้ไปรวมตัวกันอยู่ที่ศาลากลาง รอเวลาให้มีการปราบเมื่อไหร่ ตัดสินใจได้ทันที ทุกจังหวัดให้ไปศาลากลาง ฟังสัญญาณจากที่นี่ จอมืดเมื่อไหร่แสดงว่ามีการปราบแล้ว พี่น้องมีดุลพินิจจัดการได้ทันที” และ “ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องไปกลัวอะไรกับประชาชนเลย เพราะประชาชนที่เขามาชุมนุม ถ้าเขาคิดไม่ดีกับห้างพวกคุณนี่ คุณปิดห้างคุณก็ฉิบหาย ถ้าคนคิดจะทำชั่วกับพวกคุณ แต่เรามาดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย” |
|
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 ณ เวทีแยกราชประสงค์ |
“ใครก็ตามที่คิดบ้าๆ จะเข้ามา สี่ทิศทางให้ดูชัยภูมิบ้าง เพราะข้างๆ เป็นห้างสรรพสินค้า ซึ่งไม่ใช่ของผม เป็นของคนรวยเขา ถ้าผู้ชุมนุมกำลังหลับอยู่ดีๆ มาสลายการชุมนุมอาจจะตกใจวิ่งทะลุกระจกห้าง ใครรับผิดชอบ เพราะมีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน เกษรพลาซ่า ก็ต้องวิ่งหาที่กาบัง อาจจะขับรถเข้าไปข้างในด้วยเพราะว่าตกใจ ถ้าผมเป็นเจ้าของห้างจะโทรไปหา พล.อ.อนุพงษ์ (เผ่าจินดา) ว่าอย่ามา เพราะถ้ามา ฉิบหายแน่” และ “นอนๆ อยู่ดีๆ ตูม เซ็นทรัลเวิลด์ ดื้อๆ เลย ตูม เกสรฯ ตูมพารากอน อย่างนั้นเลยฮะ อุปนิสัยนี่ แล้วเวลาตกใจเนี่ย วิ่งเข้าไปในห้างเนี่ย ห้างเขาก็เป็นคอนกรีตนะฮะ เป็นปูนใหญ่ๆ ทีนี้ ผมนี่เวลาตกใจยังไงผมจะไม่วิ่งชนปูนครับ ส่วนใหญ่เวลาตกใจผมวิ่งเข้าหากระจก แล้วพอวิ่งเข้าหากระจกนี่ ผมไม่ใช่จะชนกระจกไปเรื่อยๆ นะครับ ผมไม่ใช่นางเอกเรื่องทวิภพนี่ครับ โดดเข้ากระจกได้ เพราะฉะนั้นผม เวลาตกอกตกใจ มันวิ่งไปเฉยๆ ไม่ได้ครับ มีหินติดไม้ติดมือไปด้วย ผมขว้างไปเรื่อยไม่รู้เป็นอะไร แล้วผมดูๆ คนเสื้อแดงก็ขี้ตกใจกันเป็นแสนนะผมว่าเนี่ย และผมดูอาการแล้วเนี่ย พฤติกรรมในการตกใจไม่เหมือนกันด้วยนะ คือมักจะบอกว่าใครอยู่ใกล้ตรงไหนก็ตกใจตรงนั้น เช่นอยู่ใกล้เซ็นทรัลเวิลก็ตกใจเซ็นทรัลเวิล ใกล้เกษรก็ตกใจเกษร ใกล้พารากอนก็ตกใจพารากอน ถ้าทหารหลายหมื่นคนเข้ามา คนหลานหมื่นคนเป็นแสนต่างคนต่างวิ่ง ต่างคนต่างตกใจ ชนข้าวของในห้างเขาระเนระนาดไปหมด แล้วคนเสื้อแดงตกใจวิ่งชนของแพงเท่านั้นนะครับ” |
|
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 ณ เวทีชุมนุมราชประสงค์ |
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยขู่สื่อมวลชนที่เข้าข้างรัฐบาล ทั้ง นสพ.และโทรทัศน์ หากไม่เป็นกลาง ถ้าเสื้อแดงชนะ จะตามไปเอาคืน โดยเฉพาะช่องทีวี 3 5 7 โมเดิร์นไนท์ และ NBT [2] |
|
นายสุพร อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ปราศรัยเมื่อวันที 6 เมษายน 2553 ณ เวทีแยกราชประสงค์ |
นายสุพร อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ปราศรัยสั่งเสื้อแดงต่างจังหวัด เข้ายึด - เผาศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ หากมีการสลายการชุมนุม ที่แยกราชประสงค์ ลั่นใช้ยุทธการผึ้งแตกรัง [3] |
|
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ณ เวทีราชประสงค์ |
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ามีการขนทหารมาฆ่าประชาชนทางรถไฟฟ้าจะทาให้รถไฟตกรางทันที และเจ้าหน้าที่คนไหนที่ขับรถมาส่งทหารก็จะให้คนเสื้อแดงไปจับ [4] ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ผู้ชุมนุมบางคนนำยางรถยนต์ไปวางไว้บนชานชาลารถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณสถานีชิดลม และมีการหันกล้องซีซีทีวี บนชานชาลาและสถานีชิดลมไปในทิศทางที่ทาให้ไม่สามารถบันทึกภาพได้ เหตุการณ์ดังกล่าวทาให้รถไฟฟ้าบีทีเอส ต้องหยุดให้บริการ [5] |
|
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร VDO Link มายังเวทีสะพานผ่านฟ้า (VDO ไม่ระบุวันที่ จากภาพการแถลงข่าวโดย ศอฉ.) |
"ให้พี่น้องต่างจังหวัดไปที่ศาลากลาง กทม.ผมอยากฝากบอกคนเสื้อแดงทั่วประเทศ อีกครั้งหนึ่งว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรุนแรงกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ พี่น้องเสื้อแดงต่างจังหวัดไปที่ศาลากลางกันให้เต็มที่" |
การปราศรัยที่มีเนื้อหาเสริมความรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศรัยในเรื่องการเผาอาคารสถานที่ดังกล่าวมานี้อาจเข้าข่ายเป็นการกระทาความผิดกฎหมายอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 บัญญัติว่า
“มาตรา 85 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สาหรับความผิดนั้น
ถ้าได้มีการกระทำความผิด เพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศตามความในวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ”
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ คอป. สดับตรับฟังมานั้น กระบวนการยุติธรรมของประเทศก็หาได้ดำเนินการใดๆ กับการกระทำดังกล่าวมานี้ไม่
จะอย่างไรก็ตาม คอป. เห็นว่าข้อนี้เป็นเหตุผลประกอบประการหนึ่งที่แสดงว่า การชุมนุมของ นปช. หาใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบแต่อย่างใดไม่
-บรรยายภาพ
จากซ้ายไปขวา นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับนายก่อแก้ว พิกุลทอง 2 แกนนำ นปช. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนอีก 2 คน เห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่คนขวาสุดน่าจะเป็นนายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ระหว่างไปฉลองสงกรานต์ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2555 (ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
-เชิงอรรถ
[1] อย่างไรก็ตามไม่พบข้อมูลที่สามารถระบุวันที่ที่แน่นอนได้ โดยปรากฏตามภาพวีดิโอ และ อ้างอิงจาก "ณัฐวุฒิ" บอก ปชป.ปราศรัยราชประสงค์ใส่ร้ายป้ายสี ไม่มีอะไรใหม่, วันที่ 24 มิถุนายน 2554, http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308907501&grpid=03&catid=&subcatid=,
[2] จับตาสถานการณ์ "เสื้อแดงชุมนุม", วันที่ 8 เมษายน 2553, http://www.thairath.co.th/ content/pol/75561
[3] จับตาสถานการณ์ "เสื้อแดงชุมนุม", วันที่ 6 เมษายน 2553, http://www.thairath.co.th/ content/pol/75142
[4] BTS ปิดให้บริการตลอดเส้นทาง วันที่ 10 เมษายน 2553, http://traffic.longdo.com/node/19
[5] ประมวลเหตุการณ์แดงขู่วางยางล้อรถขวางรางรถไฟฟ้า, วันที่ 27 เมษายน 2553, http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01qTTFNemN3T0E9PQ
