"ใครฆ่า เสธ.แดง?" ความจริงเพื่อการลงทัณฑ์ ในรายงาน ศปช.
ไขปริศนาความตายของ "เสธ.แดง" ในปี 2553 จากรายงาน ศปช. ที่ระบุวัตถุประสงค์ในการจัดทำไว้ว่า ต้องการสถาปนาความจริง เพื่อนำผู้เกี่ยวข้องมารับผิดชอบ

ในวันนี้ (23 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ได้เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบการเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เม.ย.-พ.ค.ปี 2553 ในหนังสือชื่อ “ความจริงเพื่อความยุติธรรม”
โดยเว็บไซต์ของ ศปช. (http://www.pic2010.org/) ได้เปิดเผยบทนำของหนังสือเล่มนี้ ที่เขียนถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำไว้อย่างชัดเจน ว่าต้องการใช้เป็นในเป็นข้อมูลในการนำคนผิดมาลงโทษ
“ความพยายามของคนกลุ่มหนึ่งในนามของ ศปช. ที่ท่านถืออยู่ในมือนี้ จึงเกิดขึ้นด้วยความหวังว่า สักวันหนึ่ง หากผู้คนในสังคมนี้ไม่กลายเป็นโรคความจำเลอะเลือนทางการเมืองไปหมดเสียก่อน เราจะสามารถสถาปนาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 และนำผู้ที่เกี่ยวข้องมารับผิดได้ในที่สุด เรามีความหวังว่าข้อมูลที่รวบรวมขึ้นมานี้จะมีประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรมในอนาคตได้บ้าง”
โดยเป้าหมายของ ศปช.แตกต่างจากคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่เน้นการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยมีปลายทางที่ “ความปรองดอง” อย่างชัดเจน
“ถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะต้องช่วยกันรื้อถอนวัฒนธรรมการเมืองอันน่ารังเกียจที่ครอบงำสังคมไทยนี้ เราขอเน้นย้ำว่า ความจริงและความยุติธรรมมีความสำคัญมากกว่าความปรองดองอันหลอกลวงฉาบฉวย ความจริงและความยุติธรรมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสังคมใหม่ ที่คุณค่าและศักดิ์ศรีของประชาชนทุกชนชั้นต้องได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราดาวน์โหลดเนื้อหาของหนังสือดังกล่าวจากเว็บไซต์ ศปช.ได้เพียงบางส่วน คือระหว่างหน้าที่ 112-223 เท่านั้น (ไฟล์ PDF ขนาด 13.6 MB) แต่ในร้อยกว่าหน้าดังกล่าว ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังที่ขอเลือกมานำเสนอ ต่อไปนี้
ความตายของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) และนายชาติชาย ชาเหลา
ในการประชุม ศอฉ. ในตอนเช้าของวันที่ 13 พฤษภาคม [1] พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ศอฉ. จะปิดล้อมสกัดกั้นพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์เพื่อกดดันให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ โดยแบ่งพื้นที่การปฏิบัติการเป็นสี่เหลี่ยมรอบแยกราชประสงค์ ตั้งแต่แยกปทุมวัน แยกประตูนํ้าแยกชิดลม และแยกศาลาแดง ทั้งนี้บริเวณถนนพญาไท ถนนเพชรบุรี และถนนวิทยุจะปิดการจราจร [2] รวมถึงปิดบริการสาธารณะทุกชนิด [3] เพราะไม่ต้องการให้ได้รับผลกระทบจากการปิดล้อมพื้นที่ และไม่อนุญาตให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวยกเว้นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งต้องนำหลักฐานที่ชัดเจนมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ ส่วนผู้ต้องการออกจากพื้นที่สามารถแจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกและเตรียมรถส่งกลับภูมิลำเนา และขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวให้ปิดกิจการชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ในการกดดันปิดล้อมพื้นที่ และได้มีการประกาศตัดระบบสาธารณูปโภคทุกชนิด ได้แก่ นํ้าประปา [4] ไฟฟ้า [5] และสัญญาณโทรศัพท์ [6] ร่วมด้วย เพื่อกดดันการชุมนุมของ นปช. ที่แยกราชประสงค์
ได้มีการอธิบายถึงการนำรถหุ้มเกราะที่ ศอฉ. นำมาใช้บริเวณพื้นที่การชุมนุม พ.อ. สรรเสริญยืนยันว่าไม่ได้นำมาเป็นอาวุธทำร้ายผู้ชุมนุม แต่เป็นการนำมาเพื่อป้องกันการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและอาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ รถหุ้มเกราะนี้สามารถใช้เป็นที่กำบังและทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องตอบโต้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย อย่างไรก็ตามหากกลุ่มผู้ก่อการร้ายยังพยายามสร้างความรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ก็
จำเป็นต้องใช้อาวุธในการควบคุมโดยจะมีการใช้กระสุนจริงหากมีความจำเป็น แต่จะเป็นการยิงทีละนัดเพื่อป้องกันเท่านั้น และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. ปฏิบัติการของ ศอฉ. ก็ได้เริ่มขึ้นและในวันเดียวกันนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คนคือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล และนายชาติชาย ชาเหลา
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดงเป็นนายทหารที่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ นปช. แม้ในบางครั้งทิศทางการเคลื่อนไหวของเขาจะไม่เป็นทีย่อมรับมากนัก แต่ภาพลักษณ์ของเขาก็ถูกเชื่อมโยง
กับความรุนแรงในหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะการใช้อาวุธสงครามก่อกวนฝ่ายตรงข้าม ทุกครั้งเมื่อมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ก็มักจะถูกเชื่อมโยงไปถึง เสธ.แดง แต่ไม่มีหลักฐานของฝ่ายรัฐบาลหรือ ศอฉ. ว่า เสธ.แดงเป็นผู้ดำเนินการหรือสั่งการ [7]
นอกจากนี้ เสธ.แดงยังแสดงตนว่ามีคู่ขัดแย้งหลายคนต่างกรรมต่างวาระ
พล.ต.ขัตติยะเคยให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้ฝึกสอนการ์ด นปช. ว่า เคยฝึกคนประมาณหนึ่งพันคน แต่ก็ยอมรับว่าลูกศิษย์ของเขาขาดวินัยและความรู้จึงสู้กับการ์ดพันธมิตรไม่ได้ ในการปะทะเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 พบว่า นายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง การ์ด นปช. ถูกตีที่ศีรษะเสียชีวิต พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่าตนฝึกสอนการ์ด นปช. เพราะไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่ได้รับเงินหรือประโยชน์อื่นใดจาก นปช. [8]
วาสนา นาน่วม รายงานว่า ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะกำลังตรวจแนวการ์ด นปช. บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาถูกรุมซักถามโดยนักข่าว โดยในเวลาดังกล่าวมีนักข่าวหรือช่างภาพไม่ทราบสังกัดคนหนึ่งเปิดไฟแฟลชเป็นระยะ ราวกับเป็นการชี้เป้าให้กับมือสังหารที่น่าจะอยู่บนตึกสูงให้เห็น พล.ต.ขัตติยะได้ชัดขึ้น แต่รายงานอีกกระแสหนึ่งตั้งข้อสังเกตที่ตัวนักข่าวที่ชักชวน พล.ต.ขัตติยะพูดคุยระหว่างแยกศาลาแดงไปถึงจุดทำครัวของ นปช. ซึ่งจะต้องเดินผ่านสถานีรถไฟฟ้า
ใต้ดินสีลม และในระยะดังกล่าว พล.ต.ขัตติยะจะต้องเดินข้ามรั้วเหล็กเพื่อไปยังหน้าลิฟต์ จุดดังกล่าวเป็นจุดสูงเด่นที่สุดซึ่งทำให้เกิดข้อสังเกตว่า นักข่าวคนดังกล่าวหน่วงเหนี่ยว พล.ต.ขัตติยะไว้นานอย่างผิดสังเกต
วาสนา นาน่วม ระบุว่า “กระสุนมัจจุราชพุ่งเข้าใส่หน้าผากขวาของ เสธ.แดง กดทะลุท้ายทอย อันเป็นการยืนยันว่า เสธ.แดงถูกยิงจากที่สูง”9 สภาพบาดแผลจากการเอ็กซเรย์ของแพทย์พบว่า “วิถีกระสุนเข้าด้านขวาช่วงบนกระโหลกและทะลุเป็นทางออกเฉียงลงด้านซ้ายของกระโหลกโดยกระสุนวิ่งเป็นแนวเฉียงลงผ่านเส้นก้านสมอง 2 ฝั่ง” [10]
สันนิษฐานว่า กระสุนสังหาร พล.ต.ขัตติยะเป็นกระสุนปืนยี่ห้อลาปัวขนาด .308 จากอาวุธปืนไรเฟิลแรงสูง เข้าที่ศีรษะหนึ่งนัดและบริเวณเสื้อเกราะที่หน้าอกอีกหนึ่งนัด [11] พล.ต.ขัตติยะเสียชีวิตด้วยอาการไตวายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2553
ผู้เห็นเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสว่า ก่อนหน้านั้น เสธ.แดงเดินตรวจตามแนวโดยรอบ และมายืนขึ้นบริวณทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อจะได้มามองว่าแนวกั้นตรงนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขาเดินขึ้นมาพร้อมกับการ์ดประจำตัว2 คน พอมายืนอยู่ตรงนี้ พวกนักข่าวก็ตามขึ้นมาจำนวนมากเพื่อสัมภาษณ์ ในช่วงสัมภาษณ์นั้นยังไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เมื่อนักข่าวชุดแรกสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เสธ.แดงจึงเดินลงมา ขณะเดินลงมาก็มีนักข่าวมาสัมภาษณ์อีก มีการใช้ไฟส่องหน้าจึงถูกยิง หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ชุลมุน ขณะถูกยิง เสธ.แดงหันหลังให้ที่ชุมนุมและหันหน้าไปทางถนนพระราม 4 ไม่แน่ใจว่าวิถีกระสุนมาจากฝั่งตรงข้ามแนวกั้นหรือว่าเป็นแนวขนานกับถนนพระราม 4 [12]
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์เดลินิวส์อ้างรายงานของรอยเตอร์ว่า พล.ต.ขัตติยะถูกยิงขณะให้สัมภาษณ์แก่นายโทมัส ฟูลเลอร์ (Thomas Fuller) ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ International Herald Tribune ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ในข่าวว่าพล.ต.ขัตติยะแสดงความเห็นต่อแกนนำอื่นๆ ว่า ขี้ขลาด ตาขาว โง่ และเขาเป็นผู้นำของนักรบเสื้อดำมารับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย นายฟูลเลอร์ถามต่อว่า มีสัญญาณว่ากองทัพจะใช้กำลังสลายการชุมนุม แต่ พล.ต.ขัตติยะตอบว่าทหารไม่สามารถเข้ามาในบริเวณที่เขาอยู่ได้ นับเป็นคำสุดท้ายก่อน พล.ต.ขัตติยะถูกยิงล้มลง [13]
Humphrey Cheung ผู้บันทึกเหตุการณ์ช่วงขณะที่กลุ่มนักข่าวกำลังสัมภาษณ์ เสธ.แดง ก่อนเกิดเหตุ เขียนไว้ในบันทึกของตนเองว่า “วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ภายในค่ายเสื้อแดง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทางด้านข้าง เวลาประมาณ 18.45 น. เสธ.แดง หรือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พูดคุยกับนักข่าวก่อนที่เขาถูกลอบสังหารโดยกระสุนซุ่มยิงของสไนเปอร์ ที่จริงผมบันทึกการพูดคุยกับนักข่าวต่างๆ ของเขา ไว้เกิน 20 นาที และนี่เป็นคลิปสุดท้าย ประมาณ 15 วินาทีก่อนที่เขาจะถูกยิง แต่น่าเสียดายที่ผมหยุดการบันทึกเพราะไปซับเหงื่อที่ออกมากใต้หมวกที่สวมอยู่ ผมหันเข้าหาโรงแรมดุสิตธานี ไปซับเหงื่อและถอดสายรัดเพื่อระบายความร้อน หนึ่งในบอดี้การ์ดของ เสธ.แดง มาทัก และบอกว่า “ใช่ รัอนมากรัดน” ผมได้ยินเสียงพลุขนาดเล็กอยู่ข้างหลังและหันไปเห็น [พล.ต.ขัตติยะ] มีเลือดออกทั่วตัว ทั้งบนหัวและบนพื้น แน่นอนผมกดปุ่มบันทึก เห็นได้ชัดว่าผมเป็นคนเดียวที่ได้ถ่ายภาพวิดีโอของเขาไว้หลังจากถูกยิง (เริ่มถ่ายประมาณ 1 - 2 วินาทีหลังจากที่ยิง) และขายคลิปให้ซีเอ็นเอ็น...” [14]
ในเวลาต่อมานายแดเนียล เซิร์ฟ (Daniel Surf) ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุวอยซ์ออฟอเมริกา ระบุว่า เห็น พล.ต.ขัตติยะถูกยิง มีความเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของมือปืนซุ่มยิง และหลังจาก พล.ต.ขัตติยะถูกยิงก็มีเสียงปืนและเสียงระเบิดเกิดขึ้น [15]
23.00 น. บริเวณแยกวิทยุ กลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ได้รื้อกล้องวงจรปิดและรื้อแนวกั้นใกล้แยกสะพานไทย - เบลเยี่ยม จากนั้นไม่นานก็เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง เนื่องจากผู้ชุมนุมต้องการไล่ทหารที่ประจำการอยู่ในสวนลุมพินีให้ออกจากพื้นที่ โดยผู้ชุมนุมได้ปาก้อนหิน แต่ไม่เข้าไปและมีบางคนอ้างว่ามีการตอบโต้กลับ ที่ใกล้อาคารอื้อจือเหลียงมีชายถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตหนึ่งคน ทราบชื่อต่อมาคือ นายชาติชาย ชาเหลา ขณะนี้ศพอยู่ โรงพยาบาล จุฬาฯ เหตุการณ์เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น มีเสียงคล้ายระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้ง [16]
นายชาติชาย ชาเหลา เป็นผู้ชุมนุมรายหนึ่ง มีภูมิลำเนาจากจังหวัดสุรินทร์ อาชีพขับรถแท็กซี่ นายชาติชายถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. นายชาติชายใส่เสื้อกีฬาลายทางสีแดงขาวหมายเลข 8 ถือกล้องถ่ายวิดีทัศน์ โดยขณะที่กำลังมีเสียงปืนดังเป็นระยะจากฝั่งสะพานลอย เขาถือกล้องไปยังทิศทางที่กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังหนีกระเจิงจากการรุกยิงที่มาจากทางที่ตั้งของทหาร ชาติชายพยายามยกกล้องขึ้นเพื่อเก็บภาพในช่วงชุลมุน เขาเข้าไปหลบที่หลังโต๊ะหน้าสำนักงานกฤษณามาร์เก็ตติ้ง ปากซอยศาลาแดง 1 ข้างอาคารอื้อจือเหลียง ชาติชายนั่งยองๆ ประกบด้วยชายเสื้อสีนํ้าเงินซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง เขาหลบอยู่ข้างโต๊ะหลังวิถีกระสุนแต่เมื่อเสียงปืนสงบลง ชาติชายก็ถูกยิงแล้ว โดยมีชายเสื้อสีนํ้าเงินที่นั่งอยู่ข้างหลัง เขาตะโกนด้วยความตกใจว่า มีคนถูกยิงและเรียกหารถพยาบาล ขณะนั้นชาติชายไม่ได้สติแล้วและล้มลงนอนกับพื้น [17] สภาพศพของชาติชายมีบาดแผลเปิดบริเวณท้ายทอยขนาด 5 ซม. และมีบาดแผลที่ขา [18]
หนังสือรับรองการตายของชาติชายระบุว่า สมองฉีกขาดอย่างหนัก ร่วมกับกะโหลกแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากการถูกกระสุนปืนที่ศีรษะ [19]
จากรายงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า กระสุนเข้าที่หน้าด้านขวา ทะลุออกด้านหลัง มีลักษณะเป็นการยิงจากมุมสูงด้านซ้ายเป็นมุมกด ซึ่งทิศทางดังกล่าวเป็นสะพานลอยพระราม 4 ซึ่งมีทหารประจำการอยู่ [20]
กรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลนั้น พบว่าหลังจากถูกยิง การ์ดไม่กล้านำตัว พล.ต. ขัตติยะเข้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แม้จะมีอาการสาหัสมากก็ตาม ปฏิกิริยาเช่นนี้สะท้อนความไม่ไว้วางใจ แม้กระทั่งต่อแพทย์และพยาบาลซึ่งควรจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง ซึ่งอาจลดความสูญเสียในชีวิตได้บ้างหากได้รับความไว้วางใจจากผู้ชุมนุม ดังที่ พ.ญ. มาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงนำพล.ต.ขัตติยะไปโรงพยาบาลหัวเฉียวซึ่งอยู่ไกลออกไปจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสภากาชาดไทย [23]
...........................................
(อ่านสาเหตุการเสียชีวิตของ เสธ.แดง ในรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ที่ "สำนักข่าวอิศรา" เคยหยิบมานำเสนอใน “ไขความลับ การตายของ เสธ.แดง หัวหน้ากองกำลังพระเจ้าตาก”)

-เชิงอรรถ
[1] “ศอฉ. เตรียมปิดล้อมสกัดกั้นพื้นที่แยกราชประสงค์กดดัน นปช. ออกจากพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันนี้,” สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์, 13 พฤษภาคม 2553, http://thainews.prd.go.th.
[2] ประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางการคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ, วันที่ 13 พฤษภาคม 2553.
[3] หนังสือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ กห 0407.45/383 เรื่อง ระงับการให้บริการเส้นทางคมนาคมทางนํ้า เรียน อธิบดีกรมเจ้าท่า, วันที่ 13 พฤษภาคม 2553, หนังสือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ กห 0407.45/384 เรื่อง งดให้บริการในบางสถานี เรียน กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ,วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 และหนังสือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ กห 0407.45/386 เรื่องงดให้บริการในบางสถานี เรียน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, วันที่ 13 พฤษภาคม 2553.
[4] หนังสือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ กห 0407.45/385 เรื่อง งดให้บริการประปาในบางพื้นที่ เรียน ผู้ว่าการประปานครหลวง, วันที่ 13 พฤษภาคม 2553.
[5] หนังสือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ กห 0407.45/381 เรื่อง งดจ่ายกระแสไฟฟ้าในบางพื้นที่ เรียน ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง, วันที่ 13 พฤษภาคม 2553.
[6] คำสั่งศาลอาญา คำร้องที่ 2/2553 เรื่อง สั่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระงับการให้บริการ สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่คราวละไม่เกิน 6 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553, วันที่ 11 พฤษภาคม 2553.
[7] วาสนา นาน่วม (2553) ระบุว่า ตำรวจจับกุมนายสุรชัย เทวรัตน์ (หรั่ง) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ในข้อหาว่าเป็นผู้ยิงระเบิดเอ็ม 79 จนทำให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต (หน้า 110)
[8] Bangkok Post, September 7, 2008, p. 4; ในขณะที่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีนายทหารออกมาฝึกการ์ดพันธมิตร แม้จะเป็นทหารนอกราชการแต่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ก็แต่งเครื่องแบบลายพรางออกมาฝึกการ์ดพันธมิตรอย่างเปิดเผยเช่นเดียวกัน โดยการ์ดส่วนหนึ่งถูกฝึกให้ใช้ไม้ ท่อแป๊บ และไม้กอล์ฟ บางส่วนก็มีหนังสติ๊กและลูกหินหรือกระสุนดินและมีฝาหม้อเป็นโล่ ร.อ.ทรงกลดผู้นี้เองเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า จะทำหน้าที่ “ดับซ่าส์ เสธ.
แดง” แต่ก่อน พล.ต.ขัตติยะจะถูกลอบสังหารนั้น ร.อ.ทรงกลดได้ขอพบกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร.อ.ทรงกลดให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ผู้ที่ยิง พล.อ.ขัตติยะนั้นเป็นมืออาชีพจริงๆ เพราะจะต้องยิงฝ่าวงล้อม (วาสนา นาน่วม, 2553, หน้า 338)
[9] วาสนา นาน่วม, 2553, หน้า 341.
[10] วาสนา นาน่วม, 2553, หน้า 343.
[11] มติชน, วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 อ้างจาก บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ และมรสุมชายขอบ 2554, หน้า 163.
[12] ดูคลิป “20100513-14_ตำแหน่งเสธแดงโดนยิง ศาลาแดง” ตั้งแต่นาทีที่ 1.50 น. เป็นต้นไป
[13] “สัมภาษณ์สุดท้าย ‘เสธแดง’ ต่อนิวยอร์คไทม์ส/ไอเอชที,” มติชน, วันที่ 15 พฤษภาคม
2555, หน้า 15.
[14] ดูคลิป “20100513_เสธแดง ให้สัมภาษณ์ก่อนถูกยิง_Humphrey Cheung,” ในภาคผนวก ที่มาจากเว็บไซต์ http://vimeo.com/12062755, อัพโหลดโดย Humphrey Cheung.
[15] “ยิงหัว ‘เสธ. แดง’ สไนเปอร์ส่องมุมสูง/ถล่ม M 79 กราด M 16 สวนจากฝั่งม็อบ,” ไทยโพสต์,วันที่ 14 พฤษภาคม 2553.
[16] ดูคลิป “20100513_TVThai ประมวลเหตุการณ์ตั้งแต่ ศอฉ. ประกาศตัดนํ้าไฟ_YT_WakeUpThais_TVthai,” สำ นักข่าวทีวีไทย, ในภาคผนวก วันที่ 14 พฤษภาคม 2553.
[17] ดูคลิป “20100513_ชาติชาย ชาเหลา สวนลุม_AFP” นาทีที่ 2.22 เป็นต้นไป, ในภาคผนวก ที่มา คลิปเหตุการณ์วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ของสำนักข่าว AFP บันทึกโดย Guilad Khan.
[18] “ยิงเสธ.แดงเข้าหัวสาหัสส่งผ่าตัดหัวเฉียว,” คมชัดลึก, วันที่ 14 พฤษภาคม 2553.
[19] หนังสือรับรองการตาย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เลขที่ 15/2553 อ้างจาก บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ และมรสุมชายขอบ 2554, หน้า 157.
[20] กรมสอบสวนคดีพิเศษ, “รายงานการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 138/2553,” คดีนายชาติชาย ชาเหลา; รายงานการสืบสวนสอบสวนนี้ถูกนำ มาเผยแพร่โดย นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 18 มีนาคม 2554
[23] “เก็บเสธ.แดงกระสุนเจาะหัว,” เดลินิวส์, วันที่ 14 พฤษภาคม 2553, หน้า 15.
-บรรยายภาพ
1.ภาพ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ด้วยการถ่ายแบบโคลสอัพ (จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
2.ภาพหน้าปกหนังสือ "ความจริงเพื่อความยุติธรรม" จากเว็บไซต์ของ ศปช.
