เปิดหนังสือ “กฤษฎีกา-ก.พ.” การันตีเก้าอี้ “ยงยุทธ”

หลังจากในช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ย. นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย ได้แถลงมติ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ให้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย ตามที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลในคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ สมัยนายยงยุทธดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2545 เป็น “ไล่ออก” แต่การลงโทษดังกล่าวจะไม่มีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีของนายยงยุทธ เพราได้อานิสงส์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550
ตามข่าวที่สำนักข่าวอิศรารายงานไป "ด่วน! อกพ.มหาดไทย อุ้ม “ยงยุทธ” นั่ง มท.1 ต่อ อ้างได้ล้างมลทินไปแล้ว"
ล่าสุด เว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ รายงานว่า มีหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ทำถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันว่านายยงยุทธได้รับการล้างมลทินแล้วจริงๆ โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
(1) หนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
"ส่วนราชการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
วันที่ 22 กันยายน 2555
เรื่อง ความเห็นกรณีที่ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย มีมติลงโทษทางวินัยให้ปลดออกรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ)
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นกรณีที่ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย มีมติลงโทษทางวินัยให้ปลดออกรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย จะมีผลทางกฎหมายอย่างไร นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอเรียนชี้แจงว่า การมีคำสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการนั้นจะต้องสั่งลงโทษในขณะที่ผู้นั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการอยู่ หากพ้นจากตำแหน่งแล้วจะต้องออกคำสั่งย้อนหลังไปก่อนวันที่ผู้นั้นพ้นจากราชการ และถือว่าผู้นั้นถูกลงโทษทางวินัยตั้งแต่วันที่คำสั่งกำหนดให้มีผลย้อนหลังนั้น แต่เนื่องจากภายหลังจากคำสั่งลงโทษทางวินัยมีผลย้อนหลังใช้บังคับแล้ว ได้มีกฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินใช้บังคับในเวลาต่อมา จึงทำให้ผู้ถูกลงโทษได้รับผลจากการล้างมลทิน โดยไม่ถือว่าผู้นั้นเคยถูกลงโทษมาก่อน ทั้งนี้ ตามบันทึก เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2526 (กรณีคำสั่งลงโทษกำหนดให้ผลย้อนหลังไปยังวันที่ถูกสั่งพักราชการ) (เรื่องเสร็จที่ 440/2526) ซึ่งวินิจฉัยว่า การที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกคำสั่งลงโทษย้อนหลังไปก่อนวันออกคำสั่งตามกรณี ของข้อ 4 แห่งระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ.2518 นั้น เป็นกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการตามระเบียบ ก.พ.ดังกล่าว หากผลของการออกคำสั่งลงโทษนั้นทำให้ข้าราชการผู้ใดได้รับโทษก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2526 ใช้บังคับแล้ว ข้าราชการผู้นั้น ย่อมจะอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการล้างมลทินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2526 ด้วย ดังนั้น กรณีของรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) หากมีข้อเท็จจริงเป็นไปตามความเห็นดังกล่าวก็ย่อมได้รับการล้างมลทินไปแล้ว
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
(นายอัชพร จารุจินดา)
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา"
(2) หนังสือจากสำนักงาน ก.พ.
“ส่วนราชการ สำนักมาตรฐานวินัย สำนักงาน ก.พ.
ที่ นร 1011/พิเศษ วันที่ กันยายน 2555
เรื่อง การล้างมลทินกรณีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้หารือกรณีการล้างมลทินราย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยมติ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย นั้น
สำนักงาน ก.พ.ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าว คำสั่งลงโทษมีผลย้อนหลังไปก่อนวันที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับ จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้ถือว่าไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติกระทรวงเจ้าสังกัดจะบันทึกประวัติการได้รับการล้างมลทินดัง กล่าวไว้ใน ก.พ.7
อนึ่ง ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ขอให้สำนักงาน ก.พ.เทียบเคียงเรื่องการล้างมลทินของนายปลอดประสพ สุรัสวดี กับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นั้น สำนักงาน ก.พ.ขอเรียนเป็นลำดับ ดังนี้
รายนายปลอดประสพ สุรัสวดี
1.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ที่สุดคณะกรรมการสอบสวนและนายกรัฐมนตรีผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า ไม่มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงสั่งยุติเรื่อง และได้รับการล้างมลทินตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 แล้ว
2.ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและสั่งการให้ต้นสังกัดสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ หลังจากที่ได้รับการล้างมลทินแล้ว
3.คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย ว่า กรณีของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้รับการล้างมลทินแล้ว ป.ป.ช.จึงไม่อาจสั่งให้ลงโทษในกรณีเดียวกันได้อีก (ที่สั่งลงโทษไล่ออกจากราชการภายหลังจึงต้องออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าว)
รายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
1.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่เคยถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ในเรื่องที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาก่อน
2.ป.ป.ช.ไต่สวนและชี้มูลให้ต้นสังกัดสั่งลงโทษตามมติ ป.ป.ช.ได้
3.กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เนื่องจากเกษียณอายุราชการแล้ว จึงต้องสั่งลงโทษย้อนหลังไปจนถึงวันก่อนเกษียณอายุราชการ
4.คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยว่า คำสั่งลงโทษที่มีผลย้อนหลังไปก่อนหรือในวันที่กฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินใช้บังคับ ย่อมได้รับการล้างมลทินตามกฎหมายล้างมลทินแล้ว
5.กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งถูกลงโทษและได้รับการล้างมลทินแล้ว เท่ากับปัจจุบันนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จึงถือว่าไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ."
