ปัดฝุ่น บันทึกกฤษฎีกา ปี 26 รั้งเก้าอี้ "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ"

กรณีที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า มติของ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ที่ให้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงแก่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย ตามที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลจากคดีดินที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ จะไม่ส่งผลต่อการเป็นรัฐมนตรีของนายยงยุทธ เพราะถือว่าได้รัีบการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550 เนื่องจา่กโทษจะถูกบังคับใช้ย้อนหลังไปสมัยนายยงยุทธเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2545 ก่อนที่ พ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ.2550 จะบังคับใช้ จึงถือว่าเข้าหลักเกณฑ์การได้ล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีการอ้างความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามเรื่องเสร็จที่ 440/2526
สำนักข่าวอิศรา กลับไปตรวจสอบความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามเรื่องเสร็จที่ 440/2526 พบว่ามีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
"เรื่องเสร็จที่ ๔๔๐/๒๕๒๖
บันทึก
เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี
พ.ศ. ๒๕๒๖ (กรณีคำสั่งลงโทษกำหนดให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ถูกสั่งพักราชการฯ)
สำนักงาน ก.พ. ได้มีหนังสือ ที่ นร ๐๖๑๑/๖๒๗ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความว่า เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยได้หารือปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ไปยัง ก.พ.ว่า กรณีที่ข้าราชการกระทำผิดก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และ อ.ก.พ.กระทรวงมีมติก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ใช้บังคับ ให้ลงโทษไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากราชการ แต่ผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งลงโทษภายหลังจากวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ใช้บังคับ โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ผู้นั้นถูกสั่งพักราชการหรือวันที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือกรณีอื่นๆ ตามข้อ ๔ (๑)-(๗) แห่งระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. ๒๕๑๘ เช่นนี้ ผู้ถูกสั่งลงโทษจะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าวหรือไม่
ก.พ.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ก.พ.จึงลงมติให้ส่งเรื่องดังกล่าวมาให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา สำนักงาน ก.พ. จึงขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวต่อไป
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๒) ได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า การที่ผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งให้ลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการแก่ข้าราชการผู้ใด โดยในคำสั่งลงโทษนั้นกำหนดให้การลงโทษดังกล่าวมีผลบังคับย้อนหลังไปถึงวัน ที่ผู้นั้นถูกสั่งพักราชการหรือวันที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือในกรณี อื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๔[๑] แห่งระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นระเบียบที่ออกตามความในมาตรา ๙๔ วรรคสอง[๒] แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๑๘ นั้น เป็นกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการตามระเบียบ ก.พ. คือ ให้สั่งลงโทษย้อนหลังไปก่อนวันออกคำสั่งได้ ดังนั้น แม้ว่าผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งลงโทษภายหลังจากที่พระราชบัญญัติล้างมลทินใน โอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ใช้บังคับแล้วก็ตาม แต่ถ้าผลของคำสั่งลงโทษนั้นทำให้ข้าราชการผู้ใดได้รับโทษก่อนหรือในวันที่ พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ใช้บังคับแล้ว ข้าราชการผู้นั้นย่อมจะอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการล้างมลทินตามนัยมาตรา ๕[๓] แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
(ลงชื่อ) อมร จันทรสมบูรณ์
(นายอมร จันทรสมบูรณ์)
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พฤศจิกายน ๒๕๒๖
[๑] ข้อ ๔ การสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการห้ามมิให้สั่งให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกย้อนหลังไปก่อนวันออกคำสั่ง เว้นแต่
(๑) ในกรณีที่ได้มีคำสั่งให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อจะสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ให้สั่งตั้งแต่วันพักราชการหรือวันให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วแต่กรณี
(๒) การสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการในกรณีความผิดละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกัน เป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีก ให้สั่งตั้งแต่วันละทิ้งหน้าที่ราชการนั้น
(๓) การสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการในกรณีกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนัก กว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือให้รับโทษที่หนักกว่าจำคุก โดยปกติให้สั่งตั้งแต่วันต้องรับโทษอาญานั้น
(๔) ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่งใหม่หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่ง การลงโทษให้ออก ปลดออกหรือไล่ออก ในกรณีเช่นนี้ ให้สั่งย้อนหลังไปถึงวันออกจากราชการตามคำสั่งเดิม แต่ถ้าวันออกจากราชการตามคำสั่งเดิมไม่ถูกต้อง ก็ให้สั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นในขณะที่ออกคำสั่งเดิม
(๕) ในกรณีที่ได้มีการสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๕๙ มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๗ มาตรา ๙๙ หรือมาตรา ๑๐๐ ไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่งใหม่หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการให้สั่งย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก ตามกรณีนั้นในขณะที่ออกคำสั่งเดิม
(๖) การสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งนั้นได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จ บำนาญข้าราชการหรือได้รับอนุญาตให้ลาออกไปก่อนแล้ว ให้สั่งย้อนหลังไปถึงวันออกจากราชการนั้น
(๗) กรณีใดมีเหตุสมควรสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการย้อนหลัง ก็ให้สั่งย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้
[๒] มาตรา ๙๔ ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(๓) ได้รับอนุญาตให้ลาออกตามมาตรา ๙๕
(๔) ถูกสั่งให้ออกตามมาตรา ๔๖ มาตรา ๕๙ มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๗ มาตรา ๙๘ มาตรา ๙๙ หรือมาตรา ๑๐๐ หรือ
(๕) ถูกสั่งลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก
วันออกจากราชการตาม (๔) และ (๕) ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ.กำหนด
การต่อเวลาราชการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ต้องออกจากราชการตาม (๒) รับราชการต่อไป จะกระทำมิได้
[๓] มาตรา ๕ ให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ และได้ถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รวมทั้งบรรดาผู้กระทำผิดวินัยที่ได้รับนิรโทษกรรมก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ แล้ว ไม่ว่าจะได้มีการสอบสวนทางวินัยแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยหรือมิได้กระทำผิดทางวินัย แล้วแต่กรณี"
