คนทำหนังชี้ตรวจบัตรปชช. ‘จันดารา’ แผ่นฟิล์มไทย 18+ ผิดกฎหมาย
‘จันดารา’ หนังระดับตำนานที่สร้างชื่อเสียงหลายยุคสมัย กำลังถูกจับตามองจากสังคม นอกจากฉากอีโรติกวาบหวิวแล้ว การลุกขึ้นมาของ ก.วัฒนธรรมสั่งตรวจบัตร ปชช.คนดู ยังเป็นที่โจษจันไม่แพ้ ‘ดอกส้มสีทอง’ เมื่อปีกลาย
กลายเป็นมหากาพย์เรื่องยาวสำหรับชนวนร้อนระอุของวงการหนังไทย ภายหลัง น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ลุกขึ้นวิพากษ์วิจารณ์กลางเวทีวุฒิสภาถึงกรณีอ้างว่ารับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อภาคประชาชนต่อการฉายหนังเชิงสังวาส ‘จันดารา’ บทประพันธ์ชิ้นเยี่ยมของอุษณา เพลิงธรรม ที่มีฉากอีโรติก จนเรียกเสียงฮือฮาให้ไม่น้อย โดยเฉพาะต่อทิศทางการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่ละเลยการเฝ้าระวังและติดตามการชมอย่างเสรี
จนทำให้นายสมชาย เสียงหลาย ปลัด วธ.เนื้อเต้นรีบออกโรงชี้แจงว่าขณะนี้คณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ได้พิจารณาให้ ‘จันดารา’ เป็นหนังที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป (เรตติ้ง 18+) อย่างไรก็ตาม วธ. ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมแจ้งไปยังโรงฉายทั่วประเทศให้เข้มงวดเรื่องการตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชมก่อนทุกครั้ง ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเข้าชมเด็ดขาด หากพบโรงหนังฝ่าฝืนมีโทษปรับวันละ 20,000 บาท
แต่ดูเหมือนการตัดสินใจฟ้าผ่าของ ‘ท่านสมชาย’ จะไม่ตรงกับบทบัญญัติของกฎหมายภาพยนตร์ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน (จนบางคนมองว่าเป็น 'ไก่อ่อน') ได้แก่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ม.26 ระบุว่า การจัดเรตติ้งภาพยนตร์ไทยนั้น แบ่ง 7 ประเภท ได้แก่ 1. ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้มีการดู 2. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป 3. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบสามปีขึ้นไป 4. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป 5. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป 6. ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู และ 7. ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร
โดยหากวิเคราะห์ในเชิงลึกจะเห็นว่าข้อ 1-5 จะใช้คำว่า ‘เหมาะสม’ ซึ่งหมายถึงจะต้องใช้วิจารณญาณในการชม และอาจต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง ไม่ได้ห้ามเสียทีเดียว ขณะที่ข้อ 6-7 ใช้คำว่า ‘ห้าม’ หมายถึง ให้เว้นกระทำหรือไม่ให้ทำตามทีกำหนดไว้ ฉะนั้นแสดงว่า วธ.ไม่มีอำนาจตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชม ‘จันดารา’ เพราะจัดอยู่ในเรตติ้ง 18+
ส่วนหนังที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีชมเท่านั้นที่ให้สิทธิตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าชมตามกฎหมาย ทั้งนี้ยังให้สิทธิผู้ชมอายุไม่ถึง 20 ปี แต่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรสก็สามารถเข้าชมได้ด้วย
“อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า ‘ท่านสมชาย’ ยังไม่ได้ศึกษาตัวบทกฎหมายอย่างละเอียดก่อนออกคำสั่งบังคับ” นี่คือเสียงยืนยันหนักแน่นของ ‘กอล์ฟ’ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ที่กล่าวกับ ‘สำนักข่าวอิศรา’
นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย เปิดเผยว่า ปลัด วธ. ไม่มีสิทธิออกคำสั่งให้ตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชม ‘จันดารา’ ซึ่งจัดอยู่ในหนังเรต 18+ เพราะตามกฎหมายบังคับเฉพาะหนังเรต 20+ เท่านั้น มิฉะนั้นจะละเมิดสิทธิคนชมได้ ที่สำคัญการร้องเรียนที่สว. เพชรบุรีกล่าวอ้างนั้นไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ‘จันดารา’ สร้างผลกระทบต่อสังคมไทย
ทั้งนี้ ‘สำนักข่าวอิศรา’ ได้ตรวจสอบจำนวนผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการฉายหนังเรื่องดังกล่าว จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและสายด่วนวัฒนธรรม 1765 (24 ก.ย. 55) พบมีผู้ร้องเรียนเพียง 1 ราย นอกเหนือจากเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อภาคประชาชนที่สว. เพชรบุรีกล่าวอ้าง
กอล์ฟ ธัญญ์วาริน กล่าวต่อว่า ความจริงการจัดเรตติ้งหนัง เพื่อต้องการกำกับดูแลมาตรฐานหนังตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจนแล้ว แต่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กลับไม่สร้างความเข้าใจต่อสังคมในเรื่องดังกล่าว ประชาชนจึงสบสน เนื่องจากกฎหมายเพิ่งประกาศใช้ ประกอบกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้ศึกษากฎหมาย ยิ่งทำให้สังคมไม่เข้าใจกันไปใหญ่ ต่างฝ่ายจึงต่างออกมาโทษผู้ผลิต
จึงเสนอให้ วธ. ระงับคำสั่งตรวจบัตรประชาชน แต่ให้ใช้การขับเคลื่อนภาคประชาสังคมผ่านการรณรงค์หรือจัดเวทีเสวนา ซึ่งประชาชนที่ไม่เห็นด้วยสามารถทำได้ตามกฎหมาย ส่วนอำนาจหน้าที่ของวธ. นั้นต้องขับเคลื่อนชี้แจงกฎหมายฉบับนี้ให้เกิดความเข้าใจตรงกันมากกว่า
สำหรับมุมมองการนำเสนอฉากวาบหวิวในหนังนั้น นายกสมาคมฯ เห็นว่าความจริงผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการชี้แนะบุตรหลานว่าเหมาะสมที่จะดูหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายได้ระบุชัดเจนถึงเกณฑ์อายุที่เหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตามสังคมไทยยังคิดว่าการเรียนรู้เรื่องเพศเป็นสิ่งน่าอับอาย ทำให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้ผิด ๆ กันเองจนเกิดปัญหาทางสังคมตามมา เช่น ท้องก่อนวัยอันควร โรคร้าย ดังนั้นทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญด้านการศึกษาทางเพศ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาต้นเหตุมากกว่าการคอยจับผิดฉากวาบหวิวในหนัง
“อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อที่น่ากลัวกว่า ‘จันดารา’ เพราะมีการเผยแพร่หนังโป๊โดยไร้การควบคุมและเข้าถึงง่ายในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งผู้ปกครองมักไม่ใส่ใจในการดูแลบุตรหลาน”
กอล์ฟ ธัญญ์วาริน ยังทิ้งท้ายไว้หน้าสนใจว่า วธ. ไม่มีหน้าที่เป็นตำรวจทางวัฒนธรรมตามที่ประชาชนหลายคนเข้าใจ เพราะเชื่อว่าคงนำไปเปรียบเทียบกับกรณีแจ้งจับคนทำผิดกับตำรวจ หากแต่เปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะความเป็นไปของสังคมต้องให้ภาคประชาสังคมเป็นตัวขับเคลื่อนเอง อย่างไรก็ขอยืนยันว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของวธ. เพราะท่านไม่ใช่ตำรวจทางวัฒนธรรม”
ไม่ว่ามหากาพย์ ‘จันดารา’ พ.ศ. นี้จะจบลงอย่างไร แต่เชื่อว่าอนาคตสังคมไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ ตราบใดที่คนทำหนังกับผู้หลักผู้ใหญ่ในชาติ ยังไม่เข้าใจในศาสตร์และศิลป์ที่ตรงกัน ‘จันดารา’ คงไม่ใช่ปฐมบทเรียนสุดท้ายของการบังคับใช้พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ขาดความเข้าใจอีกต่อไป.
...........................................................................................
กฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ. 2552
ข้อ 1 ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้มีการดู มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด
ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาส่งเสริมการศึกษา จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือ
ศีลธรรมอันดีของชาติ
(2) เนื้อหาส่งเสริมความรู้หรือความเข้าใจในการพัฒนาสังคม ครอบครัว หรือคุณภาพชีวิต
หรือการรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม
(3) เนื้อหาส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ความรับผิดชอบ หรือจิตสำนึกเกี่ยวกับการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือประวัติศาสตร์ของชาติ
ข้อ 2 ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่ให้ความรู้หรือก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน
หรือให้ความบันเทิงเป็นการทั่วไป
(2) ไม่มีลักษณะของภาพยนตร์ตามข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5
ข้อ 3 ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบสามปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่น่ากลัวสยองขวัญ หรือแสดงการกระทำที่รุนแรง ทารุณโหดร้าย หรือ
ขาดมนุษยธรรม
(2) เนื้อหาที่แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมหรือใช้อาวุธซึ่งอาจชักจูงหรือส่งเสริมให้เกิด
พฤติกรรมเลียนแบบ
(4) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติด
(5) เนื้อหาเกี่ยวกับลัทธิหรือคำ สั่งสอนที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี
หรือขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งอาจชักจูงให้ผู้ชมหลงเชื่อ
(6) ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมในลักษณะของคำหยาบคายหรือลามก
ข้อ 4 ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่สยองขวัญ หรือแสดงการกระทำที่รุนแรง ทารุณโหดร้าย หรือขาดมนุษยธรรม
(2) เนื้อหาที่แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมหรือใช้อาวุธซึ่งอาจชักจูงหรือส่งเสริมให้เกิด
พฤติกรรมเลียนแบบ
(4) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติด
(5) เนื้อหาเกี่ยวกับลัทธิหรือคำ สั่งสอนที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี
หรือขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งอาจชักจูงให้ผู้ชมหลงเชื่อ
ข้อ 5 ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ
(2) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง และอาจชักจูง
หรือส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติดซึ่งอาจชักจูงใจให้ผู้ชมเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
ข้อ 6 ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
(2) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมซึ่งอาจชักจูงหรือส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรม
เลียนแบบ
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติด
(4) เนื้อหาเกี่ยวกับลัทธิหรือคำ สั่งสอนที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี
หรือขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งอาจชักจูงให้ผู้ชมหลงเชื่อหรือผู้อื่น
ข้อ 7 ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(2) สาระสำ คัญของเรื่องเป็นการเหยียดหยามหรือนำ ความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา
หรือไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ปูชนียสถาน หรือปูชนียวัตถุ
(3) เนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ
(4) เนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ
(5) สาระสำคัญของเรื่องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์
(6) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ
ที่มาภาพ : http://www.majorcineplex.com/news/jandara-news-4/
