กสทช.ตั้งงบ 30 ล้านประมูล "3จี"
กสทช.เร่งเข้มงวดระบบรักษาความปลอดภัยตามที่ปรึกษา "พาวเวอร์ อ๊อกชั่น" เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.ระบุเล็งใช้งบสำหรับประมูล 30 ล้านบาท
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการเตรียมพร้อมจัดประมูลใบอนุญาต 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ วันที่ 16-18 ตุลาคม ที่อาคารสำนักงาน กสทช. ล่าสุดบริษัท พาวเวอร์ อ๊อกชั่น ที่ปรึกษาการจัดประมูลได้เสนอแนะให้ กสทช. เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยทุกด้านเพิ่มขึ้น
ทางสำนักงาน กสทช.จึง ได้ประสานงานไปยังกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือกำลังตำรวจไม่น้อยกว่า 30 นาย มาควบคุมดูแลความเรียบร้อยภายในบริเวณสำนักงาน กสทช. ช่วงก่อนและระหว่างประมูลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.จนถึงวันสิ้นสุดประมูล อาทิ การตรวจตราแต่ละชั้นต่างๆ ของอาคารที่จัดประมูล และใช้ป้องกันกรณีที่อาจมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการประมูลใบอนุญาต 3จี
ด้านการเตรียมความพร้อมอื่นๆ กสทช.ยัง ได้เพิ่มกำลังพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นอีก 10 คน พร้อมทั้งรถคอนเทนเนอร์อำนวยสิ่งความสะดวกด้านสาธารณูปโภค รวมทั้งยังได้ประสานงานไปยังการไฟฟ้านครหลวงเพื่อนำรถของการไฟฟ้ามาสำรองไฟ กรณีเกิดเหตุไฟด้วย และเครื่องสูบน้ำในกรณีที่เกิดเหตุน้ำท่วม โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท
เขา กล่าวว่า ที่ผ่านกสทช.ใช้ งบจากการจัดประมูลครั้งนี้ไปแล้วราว 21 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา พาวเวอร์ อ๊อกชั่น 14.1 ล้านบาท สื่อประชาสัมพันธ์ และจัดงาน "เคาท์ดาวน์พร้อมประมูล 3จี ร่วมสานฝันภารกิจเพื่อชาติ" วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน แต่คาดไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ กสทช. ตั้งใจให้ค่าใช้จ่ายการประมูล 3จีทั้งหมดไม่เกิน 30 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขสัญญา 3จี ระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และ กลุ่มบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ใน 6 ประเด็น ซึ่งสำนักงาน กสทช.ขอ ยืนตามมติบอร์ดกทค.ในการต่อเวลาแก้ไขสัญญาถึงวันที่ 5 ต.ค. หาก กสทส่งรายงานการแก้ไขสัญญาไม่ทันโดยไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้น คณะทำงานงาน กสทช. จะทำรายงานสรุปส่งให้ กทค. พิจารณาความผิดต่อไป
"หากได้รับรายงานการแก้ไขสัญญาดังกล่าวเสร็จสิ้น ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ คณะทำงานของ กสทช. จะนำมาประกอบการพิจารณาความผิดตามมาตรา 67 พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 กรณีดำเนินงานด้านโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากในกรณีนี้ถือเป็นความผิดทางอาญา การจะรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งฟ้องต้องทำด้วยความรอบคอบ มิฉะนั้น กสทช. อาจถูกฟ้องกลับได้" นายฐากร กล่าว

