เปิด! คำตัดสินศาลปค.สูงสุด ปิดตำนาน “คุณหญิงเป็ด" ผู้ว่าฯสตง.ตลอดกาล
ความอึมครึมใน สตง.เริ่มจางหาย หลังศาล ปค.สูงสุดมีคำพิพากษา ว่า "คุณหญิงจารุวรรณ" พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน !

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอเปิด คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 27 ก.ย.2555 ตามคดีหมายเลข ดำที่ อ.1075/2553 คดีหมายเลขแดงที่ อ.472/2555 ระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้อง นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ร้องสอด กับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (อุทธรณ์คำพิพากษา) ที่มีความหน้าทั้งหมด 52 หน้า
ความสำคัญของคำพิพากษาดังกล่าว คือจะทำให้เรื่องที่เคย "อึมครึม" ในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ไม่มีทั้ง “คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)” มาตั้งแต่ปี 2549 และไม่มี “ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน” หรือผู้ว่าฯสตง. มาตั้งแต่ปี 2553 หายไป ..แทบจะในทันที !
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว มีประเด็นที่องค์คณะศาลปกครองสูงสุดที่มีนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเป็นเจ้าของสำนวน จะต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์อยู่ 2 เรื่อง
(1) ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจศาล และเงื่อนไขแห่งการฟ้องคดี และ
(2) คำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ 184/2553 ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ของผู้ถูกฟ้องคดืที่ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (นายพิศิษฐ์) ให้รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยคำพิพากษาในส่วนที่สำคัญอยู่ในส่วนของประเด็นที่ (2) ซึ่งมีสาระสรุปดังต่อไปนี้
“(หน้า 46) เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะผู้ว่าฯสตง.ได้ออกคำสั่งสำนักงาน สตง.ที่ 184/2553 ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้ว่าฯสตง.ให้รักษาราชการแทนผู้ว่าฯสตง. ภายหลังจากที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 5 ก.ค.2553 กรณีนี้จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า ขณะออกคำสั่งสำนักงาน สตง.ที่ 184/2553 ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ผู้ถูกฟ้องคดียังคงมีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งในฐานะผู้ว่าฯสตง.หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามข้อ 2 ของประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 กำหนดให้ผู้ว่าฯสตง.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 ก.ย.2549 คงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2550 มีผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 ก.ย.2549 คงดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2550 เพื่อให้การบริหากราชการแผ่นดินและให้การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และข้อ 3 กำหนดว่าให้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง คตง.และผู้ว่าฯสตง.ใหม่ ตามพ.ร.ป.การตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ผู้ว่าฯสตง.ตามข้อ 2 ของประกาศ คปค.ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 20 ก.ย.2549 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศฉบับนี้พ้นจากตำแหน่ง วรรคสองกำหนดว่า ในระหว่างที่ยังไม่มี คตง.และผู้ว่าฯสตง.ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าฯสตง.ที่พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่ คตง.และผู้ว่าฯสตง.ไปพลางก่อน
บทบัญญัติดังกล่าวเป็นการยกเว้นวาระการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าฯสตง.ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 18 ก.ย.2549 ให้คงอยู่ในตำแหน่งต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนดตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 โดยที่มาตรา 33 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 บัญญัติว่า ผู้ว่าฯสตง.ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเป็นอิสระและเป็นกลาง และให้มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว วรรคสอง บัญญัติว่า ผู้ว่าฯสตง.ซึ่งพ้นจากตำแห่นงตามวาระต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้ว่าฯสตง.ซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง
มาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน บัญญัติว่า นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 33 ผู้ว่าฯสตง. พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ตาย (2) มีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ (3) ลาออก (4) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 28 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมารตา 29 (5) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 32 (6) คตง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ออก เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงหรือบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง และ ส.ว.มีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวน ส.ว.เท่าที่มีอยู่
บทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งของผู้ว่าฯสตง.ใน 2 กรณี กล่าวคือกรณีดำรงตำแหน่งครบวาระ 5 ปี ตามมาตรา 33 และกรณีมีเหตุแห่งการพ้นจากตำแห่นงนอกจากกรณีครบวาระการดำรงตำแห่นงตามนัยมาตรา 34 นอกจากนี้ การพ้นจากตำแหน่งในกรณีครบวาระการดำรงตำแหน่ง มาตรา 33 บัญญัติรับรองให้ดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าผู้ว่าฯสตง.ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ส่วนกรณีมี "เหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่ง" นอกจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง มาตรา 34 ไม่ได้บัญญัติรับรองให้ดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไปพลางก่อน
กรณีนี้จึงมีประเด็นต้องพิจารณาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.นับแต่วันที่ 5 ก.ค.2553 อันเป็นวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์แล้วหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็น ข้อ 1 ของประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 กำหนดว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญ มิให้กระทบกระเทือนการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ทำให้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวยังคงบังคับใช้ต่อไป เว้นแต่บทบัญญัติในส่วนที่ 1 หมวด 1 จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไข เพิ่มเติม หรือยกเลิก
...เห็นได้ว่า เมื่อประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 บัญญัติรับรองให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป และกำหนดให้การสรรหาและแต่งตั้งผู้ว่าฯสตง.เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ซึ่งในการสรรหาและแตงตั้งผู้ว่าฯสตง.จึงต้องคำนึงถึงคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หรือ “เหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่ง” ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ประกอบด้วย
และโดยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 51/2554 เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2554 แล้วว่า บทบัญญัติมาตรา 34 (2) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 309 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 มารตา 36 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลรับรองให้ประกาศ คปค.มีผลใช้บังคับได้โดยชอบตามกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นผู้ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ไปพลางก่อน ตามปะกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 ก็ต้องมีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม และไม่มี “เหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่ง” เช่นเดียวกับผู้ที่จะได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.คนใหม่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 และประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.25549 ไม่ได้บัญญัติยกเว้นเรื่องคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หรือ “เหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่ง”
...การมีอายุไม่เกิน 65 บริบูรณ์ถือได้ว่าเป็น “คุณสมบัติ” ประการหนึ่งของผู้จะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง. และหากบุคคลใดมีอายุเกินกว่า 65 ปีบริบูรณ์ย่อมไม่อาจได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ได้ ...อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่อ้างว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 (ที่ให้ผู้ว่าฯสตง.ในเวลานั้นซึ่งก็คือคุณหญิงจารุวรรณดำรงตำแหน่งไปพลางก่อนจนกว่าจะสรรหา คตง.และผู้ว่าฯสตง.คนใหม่ได้) เป็นกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 จึงฟังไม่ขึ้น
...ผู้ถูกฟ้องคดีมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 5 ก.ค.2553 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป โดยผลของมาตรา 34 (2) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ผู้ถูกฟ้องคดีจึงพ้นจากตำแหน่งและไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ได้ จึงย่อมไม่อาจที่จะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.ได้ ...เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.เนื่องจากมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ไม่ปพลางก่อนต่อไปได้ ไม่มีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบด้านสำนักงาน สตง. และไม่มีอำนาจในการสั่งการหรือปฏิบัติราชการในฐานะผู้ว่าฯสงตง.ตามมาตรา 27 และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542
ดังนั้น คำสั่งสำนักงาน สตง.ที่ 184/2553 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้ว่าฯสตง.(นายพิศิษฐ์)ให้รักษาราชการแผทนผู้ว่าฯสตง. ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ที่ออกมาภายหลังผู้ถูกฟ้องคดีได้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.2553 จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกคำสั่งดังกล่าวในขณะที่ตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.แล้ว คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น ที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน”
ทั้งนี้ การอ่านคำพิพากษาดังกล่าว คุณหญิงจารุวรรณไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง แต่ได้มอบหมายให้ทนายความเดินทางมาฟังแทน
ส่วนนายพิศิษฐ์กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษาว่า ”เมื่อคดียุติแล้ว กระบวนการสรรหา คตง.และผู้ว่าฯสตง. ก็จะได้เดินหน้าต่อไป หลังจากที่ คตง.ว่างมาตั้งแต่ปี 2549 และผู้ว่าฯสตง.ว่างมาตั้งแต่ปี 2553”
หลังพายุฝนผ่านไป เมฆหมอกจางหาย ฟ้าก็ย่อมเปิดโล่ง เป็นเรื่องธรรมดา !
-หมายเหตุ
พ.ร.ป.ย่อมาจาก "พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ"
คปค.ย่อมาจาก "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
"คุณหญิงจารุวรรณ" มีชื่อเล่นว่า "เป็ด" บางครั้ง สื่อมวลชนจึงเรียกว่า "คุณหญิงเป็ด"
