“คดีหมายเลข 18” กระชากหน้ากากชายชุดดำ กุมชะตากรรมอภิสิทธิ์-สุเทพ ?
คดีสำคัญ ที่ ปชป.เชื่อว่า จะช่วยยืนยันการมีอยู่จริงของ "ชายชุดดำ" และทำให้ไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหา "พยายามฆ่า"

น่าสนใจว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คนเสื้อแดงและผู้สนับสนุน โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหัวหอก พยายามเอาผิดกับ “นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ-นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ในข้อหา “พยายามฆ่า” จากคดี 98 ศพ
โดยหยิบยกการไต่สวนการตาย “นายพัน คำกอง” แท็กซี่เสื้อแดง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.2553 ซึ่งศาลอาญาวินิจฉัยว่าน่าจะเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ มาอ้างว่าเป็นการ “กลัดกระดุมเม็ดแรก” ?
แต่ดูเหมือนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผู้เตรียมถูกดำเนินคดีจะไม่ยี่หระเท่าไร เพราะได้กุม “เอกสารลับ” ที่จะนำไปใช้ต่อสู้ในศาล หากดีเอสไอทำสำนวนคดี “พยายามฆ่า” แล้วอัยการรับลูกส่งฟ้องแกนนำ ปชป.ทั้ง 2 คน ต่อศาลอาญาจริง
ที่น่าตื่นตาตื่นใจไปกว่านั้น ก็คือ เอกสารลับฉบับนี้ เป็นรายงานการสอบสวนสำนวนคดีสำคัญของดีเอสไอเอง ตามคดีพิเศษที่ 18/2553 หรือที่ผู้เกี่ยวข้องเรียกกันว่า “คดีหมายเลข 18”
โดยสาเหตุที่แกนนำฝ่ายค้านมั่นใจว่าเอกสารปึกนี้จะช่วยให้กลายเป็น “ผู้บริสุทธิ์” ในท้ายที่สุด เพราะมีการระบุชื่อ “ชายชุดดำ” เป็นรายบุคคล แถมปัจจุบัน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว (คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553)
“นายบัณฑิต ศิริพันธุ์” ทนายความจากสำนักกฎหมาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มือกฎหมายคู่ใจนายอภิสิทธิ์ กล่าวกับ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ว่า “พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย บางคดี ผมอยากให้เขาฟ้องมาเร็วๆ ด้วยซ้ำ ผมจะได้ไปซักพยานฝ่ายตรงข้าม อย่างคดี 98 ศพ ทั้งผม คุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพ ไม่มีใครสนใจแล้ว เพราะคนพวกนี้พยายามเอาคดีมาต่อรองให้ยอมรับการออกกฎหมายปรองดอง มันไม่มีทางหรอก”
ช่วงหนึ่ง ผู้มีฉายา “ทนายเทวดา” ยังกล่าวถึงเรื่อง “ชายชุดดำ” ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในปี 2555 ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่มีอยู่จริง”
(แต่ปรากฏว่า ทั้งรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ตั้งโดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ทำงานต่อ รวมถึงรายงานของศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีชื่นชม และ นปช.ให้ความเชื่อถือ กลับยืนยันตรงกันว่า มี “ชายชุดดำ” ปรากฏตัว ระหว่าง นปช.ชุมนุมในปี 2553 จริง)
“ต้องไม่ลืมว่าในปี 2553 นายธาริตและคณะเป็นผู้สอบสวนชายชุดดำด้วยตัวเอง และได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 18/2553 โดยระบุว่า มีชายชุดดำได้รับการฝึกอาวุธจาก เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) และนำอาวุธมาซ่อนไว้ที่โรงแรมรอยัล กรุงเทพฯ (ปัจจุบันคือโรงแรมรัตนโกสินทร์) เพื่อใช้ยิงกลุ่มพันธมิตร ทหาร รวมถึงสามารถระบุชื่อได้ว่า ใครเป็นผู้ยิง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทั้งหมดนายธาริตเป็นผู้ลงนาม ก่อนจะส่งให้อัยการสั่งฟ้อง นายวีระ (มุสิกพงศ์) กับพวกรวม 19 คน มีชายชุดดำถูกสั่งฟ้องด้วยถึง 8 คน ซึ่งผมเกิดมาไม่เคยเจอคนที่ทำสำนวนเอง สอบสวนเอง แต่กลับออกมาระบุว่า ชายชุดดำไม่มีจริง” นายบัณฑิตกล่าว
เมื่อลองตรวจสอบย้อนกลับไป ก็ปรากฏว่า ขุนพล ปชป.เคยอ้างถึง “คดีหมายเลข 18” นี้หลายครั้งหลายหน อย่างเช่นการปราศรัยของนายสุเทพ ที่สี่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย.2554
“พี่น้องที่เคารพครับ เพราะเหตุที่เขาฆ่าทหาร เพราะเหตุที่เขาฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะเหตุที่เขาเผาบ้าน เผาเมือง คณะกรรมการคดีพิเศษ จึงได้มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้ไปทำ เป็นคดีพิเศษตามกฎหมาย บูรณาการเอากำลังทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งอัยการ เข้ามาช่วยกัน สืบสวน สอบสวน ทำคดีนี้
“แล้วผลของการสืบสวนสอบสวนครับ พี่น้องครับ คดีพิเศษที่ 18/2553 เขาได้พยาน ได้หลักฐาน เห็นว่า มีคนที่จะต้องเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 26 คน ชื่อที่ 1 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชื่อที่ 2 คือ วีระ มุสิกพงศ์ ชื่อที่ 3 คือ จตุพร พรหมพันธุ์ ชื่อที่ 4 คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ชื่อที่ 5 คือ นพ.เหวง โตจิราการ
“พี่น้องครับ ชื่อหลังๆ ไม่อยากอ่านแล้ว แต่ผมอยากจะกราบเรียนกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลายว่า รัฐบาลไม่ได้กลั่นแกล้งคนเหล่านี้ การดำเนินคดีนี่ เป็นไปโดยโปร่งใส แล้วก็เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาทุกคนได้ต่อสู้คดีด้วยความยุติธรรม ตรงไปตรงมา”

ขณะที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ปชป.คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ ก็เคยนำเอกสารบางส่วนของ “คดีหมายเลข 18” มาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก Sirichoke Sopha เพื่อยืนยันว่ามีพยานซัดทอดลูกน้อง เสธ.แดงว่าเป็นคนยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหาร ในวันที่ 10 เม.ย.2553 โดยเอกสารดังกล่าว มีข้อความดังนี้
“... 2) นายเชษฐา หรือโต้ง ท้วมมณี พยานให้การว่าเป็นแนวร่วมกลุ่ม นปช. พยานทำหน้าที่การ์ดได้ค่าจ้างวันละ 900 บาท และประสานงานกับผู้ต้องหาที่ 18 โดยหาข่าวทางทหารส่งให้กับผู้ต้องหาที่ 18 พยานได้รับมอบหมายให้ขับรถจักรยานยนต์ดาวกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ นปช. เคยฝึกนักรบพระเจ้าตากกับผู้ต้องหาที่ 18 ที่ท้องสนามหลวง โดยการชักชวนของนายโชคอำนวยไม่ทราบนามสกุล มีผู้ต้องหาที่ 24 และเพื่อนของพยานคือนายสิริชัย หรือตี๋ ร่วมฝึกด้วย มีการฝึกสอนการใช้และยิงอาวุธปืน, เครื่องยิงระเบิดและปาระเบิดเอ็ม 67 และพยานยังทราบว่าผู้ต้องหาที่ 18 เก็บอาวุธปืนสงครามต่างๆ เช่น ปืมเอ็ม 16, ลูกระเบิดขว้างเอ็ม 67 ไว้ภายในโรงแรมรัตนโกสินทร์ที่เช่าพักไว้ โดยมีผู้ต้องหาที่ 24 เป็นคนเฝ้า เมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย.2552 ผู้ต้องหาที่ 19 (นายศิริโชคอ้างว่าเป็นลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะ) ได้ใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงก่อกวนกลุ่มพันธมิตรที่สนามหลวง พยานยืนยันว่าผู้ต้องหาที่ 19 ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่โรงเรียนสตรีวิทยาจน พ.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิต มีทหารบาดเจ็บสาหัสหลายนาย...”

นอกจากนี้ ยังพบว่า ดีเอสไอเคยของบประมาณจาก ครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2553 เป็นเงิน 28 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าทำ “คดีหมายเลขที่ 18” นี้ โดยเฉพาะ
ที่น่าจับตาก็คือ หากศาลตัดสินว่า มีบุคคลใดใน “คดีหมายเลข 18” มีความผิด เชื่อกันว่า จะส่งผลต่อรูปคดีอื่นๆ ที่บางฝ่ายพยายามเอาผิดข้อหา “พยายามฆ่า” กับนายอภิสิทธิ์-นายสุเทพ
ส่วนจะถึงขนาดทำให้ 2 แกนนำ ปชป.ดังกล่าว ไม่มีความผิดเลย ตามที่มั่นอกมั่นใจกันหรือไม่ ในเวลานี้ยังเป็นปริศนา...
-บรรยายภาพ
1.ชายชุดดำขณะใช้อาวุธสงครามยิงใส่แนวทหารที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 (ภาพถ่ายโดยไอโฟนจากรายงานของ ศปช.)
2.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระหว่างปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2554 (จากเว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ว้อยซ์ทีวี)
3.บางส่วนของเอกสารรายงานการสอบสวนคดีพิเศษที่ 18/2553 ของดีเอสไอ (จากเฟซบุ๊กนายศิริโชค โสภา)
