'รอยล'ยันพร้อมรับมือพายุ'เกมี'
5 ต.ค.55 นายรอยล จิตรดอน ประธานอนุกรรมการ กบอ. กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยเเลนด์ เอฟเอ็ม 97 เมกะเฮริทซ์ กรณีการรับมือพายุเกมีว่า กรณีที่จะมีการหน่วงน้ำไว้ที่ทุ่งรังสิต 7 หมื่นไร่ ในพื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี นั้น พื้นที่ 3 หมื่นกว่าไร่ในพื้นที่นี้ป็นร่องสวน จากนั้นเป็นคลองรังสิต 8-9-10 เเละคลองเเอลของกรมชลประทาน พื้นที่นี้รองรับน้ำไว้ได้เกือบ 200 ล้านลบ.ม. เท่ากับว่า ช่วยรองรับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ครึ่งหนึ่ง ยืนยันว่า การใช้พื้นที่นี้รองรับน้ำเป็นการทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ โดยพัฒนาพื้นที่ขุดลอกคูคลองตั้งเเต่ปลายปี 2554 โดยใช้เงินของกองทุน บยส.กระทรวงยุติธรรม 10 ล้านบาท มาช่วยในการดำเนินการ การหน่วงน้ำตรงนี้จะช่วย กทม.ได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้ประตูระบายน้ำนารายณ์ปิดตายเเล้ว เพื่อไม่รับน้ำจากเเม่น้ำป่าสัก โดยเเม่น้ำป่าสักจะระบายลงเเม่น้ำเจ้าพระยาไปทางเขื่อนพระรามหกเเละปล่อยน้ำจากคลองระพีพัฒน์เเยกตกตามปกติย้ำว่า พื้นที่ 7 หมื่นไร่นี้รองรับน้ำฝนอย่างเดียว
ด้าน นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงการรับมือพายุเกมีหลังจากที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธาน กบอ.ขอร้องชาว กทม.หยุดงานเพื่อเปิดพื้นที่ในการรับมือพายุนี้ในวันที่ 7-9 ต.ค.รวมทั้่งมีเเผนอพยพประชาชนด้วยว่า พายุลูกนี้ในวันที่ 5 ต.ค.จะขึ้นฝั่งที่เวียดนาม โดยมีความเร็ว 90 กม.ต่อชั่วโมง เเละเคลื่อนตัวมาทางตะวันตกอย่างช้าๆ เเละเริ่มมีผลกระทาบทางภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก เเละภาคใต้ตะวันตกของไทย ทั้งนี้จะเริ่มมีฝนในช่วงบ่ายวันนั้นโดยเป็นกลุ่มฝนหน้าพายุ เเละในวันที่ 6 ต.ค.พายุลูกนี้จะผ่านเข้า สปป.ลาวกับกัมพูชา เเต่ลดความรุนเเรงลง เเละเมื่อพายุลูกนี้เข้าไทย จะลดความรุนเเรงเหลือระดับดีเพรสชั่น ในช่วงวันที่ 7ต.ค.ในช่วงภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างกับภาคตะวันออก เเล้ในช่วงค่ำวันนั้นกลุ่มฝนอาจจะเต็มพื้นที่ประเทศไทยเพราะพายุนี้จะอยู่ตรงกลางประเทศ อิทธิพลจะครอบคลุมหลายร้อยกิโลเมตร
"จากนั้นวันที่ 8 ต.ค.พายุจะเริ่มเคลื่อนตัวออกไปยังอ่าวเมาะตะมะ เเละขยับไปในภาคตะวันตกของไทย โดยพื้นที่ในช่วงข้างต้นที่ตนกล่าวมาเเล้วจะพ้นจากพายุนี้ จากนั้นวันที่9ต.ค.ไทยจะพ้นจากพายุลูกนี้" นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะเป็นพายุลูกเเรกของปีนี้เเละเป็นพายุโซนร้อนหากเทียบกับพายุไหหม่าเมื่อปีที่เเล้วนั้น มันเป็นพายุดีเพรสชั่นที่ทำให้ฝนตกเยอะเช่นกัน เเต่ความรุนเเรงอยู่ที่การเคลื่อตัวของพายุกับสภาพเเวดล้อมในพื้นที่ หากผ่านเส้นทางภูเขาก็ไม่มีผลเยอะ เเต่หากผ่านพื้นที่ราบก็มีผลเยอะ เเละวันที่ 7-9 ต.ค.ประชาชนเพียงเเค่พกร่มติดตัว ส่วนพื้นที่ชายฝั่งก็รอฟังข่าวเเต่ไม่ถึงขั้นต้องอพยพตามที่มีกระเเสข่าวออกมา
