“คลัง” ส่อถังแตก"จำนำข้าว"-จี้พาณิชย์ เปิดข้อมูลระบายสินค้า
“คลัง” ส่อถังแตก"จำนำข้าว"ใช้เงินสูง-สร้างภาระงบประมาณ แถมกินวงเงินค้ำประกันโครงการลงทุนประเทศหน่วยงานอื่น รับลูก “ป.ป.ช.” ค้านตั้งราคาบิดเบือนตลาด จี้ "พาณิชย์" เปิดข้อมูลระบายสินค้า
จากกรณีที่กระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0904/17560 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2555 ถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2555 (ส่งความเห็นหลังการประชุมเสร็จสิ้นไปแล้ว) เพื่อยืนยันความเห็นประกอบการพิจารณาเรื่องรายงานผลการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 และพิจารณาปริมาณ และวงเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556
โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่การเสนอให้รัฐบาลประเมินผลกระทบต่อโครงการรับจำนำ และแนวทางการบริหารจัดการวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบว่า การดำเนินงานโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ของรัฐบาล นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ใช้เงินไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 787,823.32 ล้านบาท ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 มีผลขาดทุน 207,006.44 ล้านบาท มีหนี้คงค้างทั้งสิ้น 455,538.80 ล้านบาท เป็นภาระงบประมาณที่สูงมาก จำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องจากการระบายสินค้าเกษตรได้ช้า และไม่มีงบประมาณเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในหนังสือกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า เนื่องจากวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปี การผลิต 2554/55 เป็นวงเงินที่สูง และเป็นภาระต่อเนื่องต่องบประมาณ ทั้งในส่วนเงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรอบวงเงินกู้เดิม และส่วนที่อยู่ระหว่างขยายปริมาณและกรอบการใช้เงิน (กรณีพิเศษ) เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 408,160 ล้านบาท รวมทั้งกินวงเงินค้ำประกันโครงการลงทุนประเทศของหน่วยงานอื่น
“ดังนั้น หากจะมีการดำเนินการโครงการต่อเนื่อง ควรวิเคราะห์และประเมินผลโครงการที่ได้ดำเนินการแล้ว รวมทั้งนโยบายการระบายผลิตผลทางการเกษตรกรที่รับจำนำอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนการดำเนินโครงการใหม่ ซึ่งใช้วงเงินสูงถึง405,000 ล้านบาท ทำให้ภาระงบประมาณเพิ่มสูง หากยังไม่มีการระบายผลผลิตโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตรดังกล่าว จะส่งผลต่อความสามารถของกระทรวงการคลัง ในการค้ำประกันเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 และหากกรณีระบายผลิตผลที่รับจำนำได้ใน 3 ปี จะมีภาระการบริหารการปรับโครงสร้างหนี้เฉลี่ยปีละ 224,553 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อการระดมทุนในตลาดเงินที่มีสภาพคล่องตึงตัว ทั้งในด้านต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้น และเป็นภาระงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อไป”
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในหนังสือกระทรวงการคลังฉบับนี้ ระบุว่า กระทรวงการคลัง เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา
โดย เรื่องการกำหนดราคารับจำนำข้าว ป.ป.ช. ระบุชัดเจนว่า กขช. ควรพิจารณากำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกแต่ละชนิดให้เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต ที่เกษตรกรรับภาระอยู่ อยู่บนพื้นฐานความสมเหตุสมผล ไม่บิดเบือนกลไกตลาด และควรมุ่งเน้นช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างเป็นรูปธรรม และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ พิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดต้นทุนผลิตข้าว
ส่วนการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ป.ป.ช. เห็นว่า ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน และรับรองเกษตรกร นอกเหนือจากการทำประชาคม และให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับรองเกษตรกรแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ต้องนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ ในการขึ้นทะเบียนและรับรองเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้เฉพาะเกษตรกรที่ปลูกข้าวจริงและสุจริตเท่านั้น ที่จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล นอกจากนี้ควรกำหนดให้มีมาตรการลงโทษที่เหมาะสมและจริงจังกับเกษตรกรที่ไม่สุจริต
ขณะที่การระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ป.ป.ช. ระบุว่า เพื่อมิให้ข้าวที่ได้จากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2554/55 ก่อให้เกิดความสูญเสียงบประมาณของรัฐเป็นจำนวนมาก อันเป็นผลมาจากการเก็บรักษาข้าวเป็นเวลานาน ส่งผลทำให้ข้าวเกิดความเสียหาย เสื่อมคุณภาพ สูญเสียน้ำหนัก และเป็นการป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ เห็นสมควรมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง กำหนดแผนการบริหารจัดการการระบายข้าวที่เก็บรักษาไว้ในโกดังอย่างเป็นระบบ การปิดบัญชีโครงการฯ พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินการหรือที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว ให้ กขช. พิจารณาโดยเร็วและต่อเนื่อง
“หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดในการดำเนินการระบาย หรือ จำหน่ายข้าวที่อยู่ในคลัง หรือโกดังกลางซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ อคส. หรือ อตก. ให้ประกาศโดยเปิดเผยเป็นที่ทราบแก่บุคคลทั่วไป และดำเนินการด้วยความโปร่งใส” ป.ป.ช. ระบุ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล กับ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) โดยอ้างว่า เป็นข้อมูลที่มีความมั่นคงด้านการค้าข้าวของประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศผู้ซื้อ
( อ่านรายละเอียดในเรื่อง พณ.ปิดข้อมูลสต็อกข้าว อ้างความมั่นคงทางอาหาร-กระทบความสัมพันธ์การค้า) http://www.isranews.org/site_content/191-thaireform/17098-พณ-ปิดข้อมูลสต็อกข้าว-อ้างความมั่นคงทางอาหาร-กระทบความสัมพันธ์การค้า.html)
-------------------------------
รายละเอียดในหนังสือ ป.ป.ช. ส่งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา