“ปู” พอใจผลประชุมอาเซม
วันนี้( 6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 9 หรืออาเซ็ม ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที 5-6 พ.ย. ว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรปแบบเต็มคณะ วาระที่ 2 (ประเด็นระหว่างประเทศ) ซึ่งที่ประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาระดับโลกที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกมิติ สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นเรื่องความเสี่ยงและความท้าทายจากความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค รวมถึงมาตรการของไทยและประเทศสมาชิก เพื่อรองรับความเสี่ยงเหล่านี้ อาทิ ปัญหาการค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาที่รุนแรงที่สุด ที่เกิดจากเครือข่ายผิดกฎหมายข้ามชาติ ซึ่งไทยมีมาตรการการป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์โดยการเพิ่มขีดความสามารถแก่กลุ่มที่เปราะบางที่สุดในสังคม เพื่อรับประกันการเข้าถึงสิทธิต่างๆในสังคม ทั้งสาธารณสุข การศึกษา การเงินและเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยสร้างความกินดีอยู่ดีแก่ประชาชน และครอบคลุมไปถึงผู้อพยพในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เสนอวาระการพัฒนาหลังปี 2015 ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง 2 ด้าน คือ 1. การลดความเสี่ยงและการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ ซึ่งมีความสำคัญต่อการมีห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและความมั่นคงด้านอาหารด้วย ซึ่งการแก้ปัญหาต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และขอการสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติและกิจกรรมการเสริมสร้างศักยภาพ ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค 2. การสนับสนุนบทบาทสตรีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสตรี ที่ควรได้รับการบูรณาการในด้านแรงงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานของโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งหวังว่าทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรปจะสามารถแบ่งปันแนวทางปฏิบัติและประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับการริเริ่มการพัฒนาขีดความสามารถของสตรีที่คล้ายคลึงกัน และหวังว่านานาประเทศจะให้การสนับสนุนโครงการ Every Woman Every Child (EWEC) เพื่อให้การยกระดับสุขภาพของมารดาและเด็กซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมอาเซมวันแรก ว่า สิ่งที่เห็นพ้องกันคือเอเชียและยุโรปต้องร่วมมือกันสร้างความแข็งแรงของภูมิภาคเพื่อประโยชน์ต่อภูมิภาคทั้งสองอย่างเต็มที่ ทั้งประเด็นการรักษาสมดุล สร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของแต่ละประเทศให้แข็งแรง การหาช่องทางและโอกาสให้กับธุรกิจที่เป็นที่สนใจของทั้งสองภูมิภาค ขณะที่ยุโรปก็มองว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากร ประชากรและการเติบโตค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่เขาห่วงคือเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้า และต้องการเห็นการเจรจาเรื่องการค้าเสรี การปลอดภาษีเป็นศูนย์ให้เป็นกลไกหนึ่งกระตุ้นการค้าการลงทุน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงผลการหารือกับ 4 ผู้นำประเทศในยุโรป ได้แก่ โปแลนด์ นอร์เวย์ อิตาลีและมองโกเลีย เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่า ได้ถือโอกาสนี้เชิญกลุ่มประเทศยุโรปเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะยุโรปมีศักยภาพเรื่องเงินกองทุนต่างๆ และ การได้พบกับผู้นำประเทศยุโรปหลายประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศเหล่านี้ให้การตอบรับที่ดีในความเป็นประเทศประชาธิปไตยของไทย โดยสอบถามสถานการณ์ภายในของไทย และพร้อมสนับสนุนบทบาทของไทยในเวทีประชาธิปไตยด้วย

