‘ต่อตระกูล’ ชี้คอร์รัปชั่นระบาดท้องถิ่น-อัด ‘ยิ่งลักษณ์’ ผลาญงบน้ำเบี้ยหัวแตก หวั่นชาติล่ม
‘ต่อตระกูล’ เผยคอร์รัปชั่นไทยสูงระบาดท้องถิ่น-อีอ๊อกชั่นทำงบชาติสูญ 5 หมื่นล้าน อัด ‘ปู’ ทบทวนให้สิทธิรัฐมนตรีตั้งกฎจัดจ้างใหม่-ผลาญงบน้ำเบี้ยหัวแตก เตือนหากไม่ฟังเสียงประชาชน ชาติล่มได้

วันที่ 10 พ.ย. 55 รศ. ดร. ต่อตระกูล ยมนาค ประธานกลุ่มวิศวกรเพื่อชาติ ออกแถลงการณ์ในประเด็น ‘สถานการณ์คอร์รัปชั่นการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงในประเทศไทยปัจจุบันถึงขั้นวิกฤต’ ว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ในไทยนับวันจะเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ กัดกร่อนบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ โดยจากข้อมูลขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ตั้งแต่ปี 38 ได้ทำดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perceptions Index : CPI) เพื่อจัดอันดับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งไทยได้รับคะแนนอยู่ระดับต่ำมาก คิดเป็น 2.79 ถึงสูงสุดไม่เกิน 3.8 จากคะแนนเต็ม 10 นั่นหมายถึงสอบตก
“ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นให้ลดน้อยลงได้ ตรงกันข้ามจำนวนคดีการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กลับเพิ่มมากขึ้น และได้แพร่ระบาดในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมยอมรับว่าในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกิดการทุจริตกันมาก เหลืออบต. ที่บริหารอย่างสุจริตและโปร่งใสเพียงไม่เกิน 30 %”
นอกจากนี้การจัดซื้อจัดจ้างในระบบประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีอ๊อกชั่น) ที่เริ่มใช้มา 7 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยเป็นผู้ริเริ่ม ได้มีผลวิจัยยืนยันว่าระบบดังกล่าวทำให้รัฐสูญเสียเงินงบประมาณมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการสมยอม (ฮั้ว) ให้ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริง จนเป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้รับเหมางานราชการว่า ระบบอีอ๊อกชั่น คือ ‘การฮั้วที่รัฐจัดให้’ อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งใช้โกงประมูลในโครงการตั้งแต่ 2 ล้านบาท ถึง 3 แสนล้านบาท
ประธานกลุ่มวิศวกรเพื่อชาติ เปิดเผยต่อว่า จากนโยบายดังกล่าวทำให้ผู้ประมูลต้องจัดเงิน 30-40% ตอบแทนแก่นักการเมืองผู้มีอำนาจในโครงการ ทำให้ข้าราชการที่ดีไม่ยอมร่วมสมคบและร่วมมือกับนักการเมืองที่คดโกง มักถูกโยกย้าย รวมถึงไม่มีโอกาสเติบโตทางหน้าที่การงาน ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามใช้อำนาจของรัฐบาลยกเลิกและยกเว้นระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวด โดยอ้างความฉุกเฉินเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งได้ใช้งบประมาณอย่างเบี้ยหัวแตกหมดเกือบแสนล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึงปี และยังพยายามให้รัฐมนตรีมีอำนาจเด็ดขาดเสนอวิธีจัดซื้อจัดจ้างขึ้นใหม่ โดยยกเลิกระเบียบเดิมทั้งหมด เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ 3 แสนล้านบาทที่จะตัดสินแจกจ่ายเงินงบประมาณออกไปต้นปีหน้า โดยใช้ระบบเทรินคีย์ที่จะเปิดช่องให้ผู้รับเหมาไปออกแบบเอง สร้างเองได้ทั้ง 3 แสนล้านบาท อีกทั้งยังตั้งงบพิเศษ 2.2 พันล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้างทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้การประมูลในระบบพิเศษเช่นกัน
“รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลุแก่อำนาจ โดยอ้างว่ามีเสียงส่วนใหญ่ ไม่ฟังเสียง ไม่สนใจความเห็นประชาชนที่ทักท้วงใด ๆ เลย อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลใด ๆ ในอดีต แม้กระทั่งรัฐบาลเผด็จการทหารจะกล้าปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน จึงหวั่นว่าจะก่อเกิดอันตรายต่อชาติได้” รศ.ดร.ต่อตระกูล กล่าว
ที่มาภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=551313
