โหมโรงศึกซักฟอก เก็งข้อสอบ “ยิ่งลักษณ์กับพวก”

“ก็ต้องเก็งว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร ประเด็นไหน และต้องเตรียมพร้อม แต่เท่าที่ดูตรวจสอบและนึกดู งานสมัยอยู่กระทรวงคมนาคม ผมก็ไม่ได้เซ็นหรือเห็นชอบโครงการอะไรใหญ่ๆ ไม่รู้จะอภิปรายย้อนหลังไปสมัยที่ผมเป็นตำรวจหรือเปล่า”
เป็นคำพูดของ “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รมช.กระทรวงมหาดไทย หลังถูกสอบว่า ได้เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้วหรือยัง หลังตกเป็น 1 ใน 4 รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกแนบอยู่ในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
ร่วมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กระทรวงกลาโหม
แม้ พล.ต.ท.ชัจจ์จะยังไม่รู้ “ข้อสอบ” แต่ก็มีการกะเก็ง “คำตอบ” ไว้เบื้องต้นว่า น่าจะถูกตั้งคำถามถึงสมัยที่ยังเป็น รมช.กระทรวงคมนาคม เมื่อได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และกรมเจ้าท่า
ซึ่งฝ่ายค้านก็ดูเหมือนจะมั่นอกมั่นใจข้อกล่าวหาของ พล.ต.ท.ชัจจ์ ถึงขนาดยื่นเรื่องให้ถอดถอนพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์และ พล.อ.อ.สุกำพล ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
แม้นายตำรวจเสื้อแดงรายนี้ จะออกตัวว่าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถูก ปชป. “อภิปราย-ถอดถอน” แต่เจ้าตัวก็ต้องข้อสังเกตว่าอาจจะมีปมความแค้นเก่า สมัยยังรับราชการเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ให้สัมภาษณ์กล่าวหา “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” รมช.กระทรวงพาณิชย์สมัยนั้น เรื่องการส่งออกยางพาราไปขายยังต่างประเทศที่มีพิรุธ พร้อมกับส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินกาไต่สวนเอาผิดกับนายจุรินทร์ต่อ
แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะตัดสินให้ พล.ต.ท.ชัจจ์ มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ให้จำคุกเป็นเวลา 3 เดือน ปรับ 2 แสนบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ขณะที่ ป.ป.ช.ได้ยกคำร้องในส่วนของนายจุรินทร์หลังพบว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูล
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ก็กลายเป็นชนวนให้ “ชัจจ์-จุรินทร์” เป็นไม้เบื่อไม้เมามานับแต่บัดนั้น
พล.ต.ท.ชัจจ์ถึงกับคำรามหลังถูก ส.ส.ปชป.จำนวน 157 คน นำโดยนายจุรินทร์ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยื่นอภิปรายพ่วงถอดถอนว่า “ผมไม่แปลกใจเลย เพราะถ้า ปชป.ฆ่าผมได้ เขาคงทำไปนานแล้ว!”
สำหรับประเด็นที่กะเก็งกันว่า พล.ต.ท.ชัจจ์จะถูกฝ่ายค้านล่อเป้า ก็มีทั้งเรื่องตลาดนัดสวนจตุจักรที่เคยเป็นแหล่งรายได้สำคัญของ กทม.แต่ ร.ฟ.ท.ดึงไปบริหารจัดการเอง รวมถึงงบฟื้นฟูหลังน้ำท่วม 1.2 พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการจ้างขุดลอกคูคลองที่กรมเจ้าท่ารับเป็นเจ้าภาพ แต่ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือท้วงติงมาว่าผลความผิดปกติ และอาจจะรวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-รังสิต
นั่นเป็นในส่วนของรัฐมนตรียศ “พลตำรวจโท” ... สำหรับรองนายกฯยศ “ร้อยตำรวจเอก” อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม
ก็มีการคาดการณ์กันว่า “สารวัตรเฉลิม” จะถูกอภิปรายทั้งเรื่องการปล่อยให้มีบ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขเกลื่อนเมือง รวมถึงการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่พยายามจับกุม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้ต้องคำพิพากษาในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี มาดำเนินคดี พร้อมดำเนินการถอดยศ โดย ปชป.จะหยิบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าด้วยการถอดยศ พ.ศ.2547 มาทวงถาม
ด้าน “พล.อ.อ.สุกำพล” ซึ่งโดน 2 เด้ง ทั้งอภิปราย-ถอดถอน ก็น่าจะถูก ส.ส.ฝ่ายค้านจองกฐินไม่น้อย เพราะ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกฯ ในฐานะหัวหน้า ปชป.คงจะใช้เวทีสภาฯ ตอบโต้กรณีที่ “บิ๊กโอ๋” มีคำสั่งถอดยศตน โดยจะแจงความบริสุทธิ์ของตัวเองเรื่องการเข้ารับราชการทหาร เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร. พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าคำสั่งถอดยศดังกล่าวผิดกฎหมายอย่างไร
ส่วนเรื่องการบริหารงานในกระทรวงคมนม สมัย พล.อ.อ.สุกำพลเคยเป็น รมว.กระทรวงคมนาคม อาจจะถูกพูดถึงบ้างแต่ไม่น่าจะเป็นจุดโฟกัส
ขณะที่ “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ที่ถูกยื่นทั้งอภิปรายและถอดถอนเช่นกัน แม้เวลานี้ วิปฝ่ายค้านจะยังกำข้อสอบไว้แน่น แต่ที่หลุดออกมาบ้างประปรายน่าจะเป็นเรื่องของการปล่อยให้มีการทุจริต ทั้งโครงการน้ำท่วมและโครงการรับจำนำข้าว
และโดยเกมของฝ่ายค้าน คือหาทางดึงนายกฯหญิง ให้มาถูกตรวจสอบโดยกลไกสภาฯ ให้ได้ หลังจากที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์มักจะใช้วิธีเซ็นชื่อแต่ไม่เข้าประชุม
สำหรับช่วงเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เบื้องต้นวิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน ได้ตกลงกันว่า ระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายนนี้ ฝ่ายค้านจะมีเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลขอเวลาชี้แจง 12 ชั่วโมง ไม่นับรวมการประท้วงต่างๆ โดยจะมีการลงมติในช่วงเช้าวันที่ 28 พฤศจิกายน
ฝ่ายค้านได้วางจังหวะในการซักฟอก “4 ผู้ต้องถูกถาม” ไว้เบื้องต้น คือในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน จะเริ่มที่ ร.ต.อ.เฉลิม พล.อ.อ.สุกำพล หรือ พล.ต.ท.ชัจจ์ โดยจะเริ่มที่ใคร เรื่องอะไร ต่อด้วยคนไหน และจบลงที่ใคร วิปฝ่ายค้านจะมา “ไฟนอลบรีฟ” กันอีกครั้ง ก่อนศึกซักฟอกจะระเบิดขึ้น
แต่สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปชป.จะอุทิศเวลาให้ 1 วันเต็มๆ ในการสอบถามถึงความรับผิดชอบในฐานะ “ผู้นำรัฐบาล”
ทั้งนี้ ปชป.ได้เตรียมขุนพลสำหรับขึ้นเวทีสภาฯ ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง และรุ่นใหญ่ครบถ้วน ราว 20-25 คน โดยหวังว่าจะใช้เวลาที่ฝ่ายค้านมีโอกาสได้พูดผ่านวิทยุและทีวีของรัฐอย่างเต็มที่ถึง 3 วัน 3 คืน ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในทางการเมือง
เป้าหมายของ ปชป.เบื้องต้นคงหวังจะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) แต่ก็อาจหวังผลถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะขึ้นในช่วงต้นปีหน้าด้วย แต่ภาระหนักของฝ่ายค้านก็อยู่การนำ “ข้อมูลใหม่” ที่ไม่ใช่แค่ข่าวตัดแปะจากหนังสือพิมพ์หรือปริ๊นต์จากโลกออนไลน์มาพูดในสภาฯ เท่านั้น
อย่าลืมว่า ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายรัฐบาลก็มี “นักพูด-นักโต้วาที” อยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน หอกที่เตรียมมาทิ่มแทงรัฐบาลอาจจะถูกหันมาแทงกลับฝ่ายค้านเอง หรือโครงการที่หวังจะโจมตีให้ล้มเลิก อาจจะถูกฟอกขาวได้ในเวลาเดียวกัน
หาก ปชป.มีข้อมูลที่ดี มีน้ำหนัก จับต้องได้ ในเรื่องรัฐบาล พท.และ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ เพียงเพื่อคนบางกลุ่มโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่แค่เพียงแค่หลอกด่ากระทบชิ่ง แม้เสียงข้างมากของรัฐบาล พท.จะยังอุ้ม “ยิ่งลักษณ์และ 3 รัฐมนตรี” ให้อยู่รอดต่อไปได้ แต่แรงสะเทือนระดับหลายริกเตอร์ที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้อำนาจที่เคยแข็งแกร่งของคนบนตึกไทยคู่ฟ้า ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป !!!
