ฟังเสียงนักศึกษาสะท้อนถึงการสรรหา“คณบดี”รัฐศาสตร์ มธ.

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 ประชาคมคณะรัฐศาสตร์ คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี และนักศึกษาระดับปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หย่อนบัตรเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ หลังจาก รศ.ดร.ศิริพร วัชชวัลคุ อดีตคณบดีที่เพิ่งพ้นจากการดำรงตำแหน่งในสมัยแรก
ลองมาฟังความคิดเห็นเสียงเล็กๆของนักศึกษากันบ้าง
นายกฤษณะ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์(BMIR) ชั้นปีที่ 3 ระบุว่า ต้องการคณบดีที่เอาใจใส่นักศึกษาเท่าที่ควร เข้ามาพูดคุย ไถ่ถาม และอยากให้มีการเปิดกว้างทางความคิด โดยส่วนตัว ตนมีชื่อที่จะเสนอในวันที่ 23 พฤศจิกายนอยู่แล้วในใจ
น.ส.มิว (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ระบุว่า อยากได้คณบดีที่มีความเป็นผู้นำสูง เปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา มีการเอาใจใส่นักศึกษาให้มากเท่าที่ควร “เพราะที่ผ่านมาคณบดียังคงวุ่นๆอยู่กับ คณะรัฐศาสตร์ ที่ศูนย์รังสิตเสียมากกว่า”
นายเต๋ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ระบุว่า อยากให้คณบดี สนับสนุนด้านการศึกษา ด้านกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสมอย่างเต็มที่ และไม่ปิดกั้นนักศึกษามากจนเกินไป อยากให้เป็นกันเองกับนักศึกษา ส่วนเรื่องการดำเนินการในเรื่องต่างๆ อยากให้เข้าถึงได้โดยตรง ซึ่งไม่ต้องผ่านกระบวนการให้มันวุ่นวายมาก เช่นการเบิกงบประมาณทำกิจกรรม เพราะที่ผ่านมาต้องผ่านการขออนุญาตรออนุมัติ หลายขั้นตอน กว่าจะได้ในแต่ละครั้ง
มองว่าการร่วมเสนอชื่อมีความสำคัญหรือไม่ นายเต๋ กล่าวว่า สำคัญแต่ไม่ใช่โดยตรง อาจไม่เห็นภาพอะไรมาก แต่ก็มีส่วนร่วมในการได้เสนอชื่อ
นายเต๋ กล่าวต่อว่า ไม่ได้ซีเรียส เพราะใกล้จะจบแล้วในอีกไม่กี่วัน และรู้สึกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยมันอยู่ที่ตัวเราและอาจารย์ผู้สอนมากกว่า ส่วนคณบดีแทบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ถ้าไม่มีวิชาเรียนกับคณบดี ก็ไม่ได้คุยกันเลย
ขณะที่เจ้าหน้าที่คณะรัฐศาสตร์รายหนึ่งระบุว่าก็ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะมันเป็นชื่อเสียงของคณะ ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยด้วย จริงๆ ทุกๆอย่างต้องคำนึงถึงส่วนรวม เป็นภาพประกอบ เป็นองค์รวมที่จะนำภาพพจน์ของคณะในการทำให้ดีขึ้น การสรรหาคณบดีมันก็มีทุกๆ สามปีอยู่แล้ว และโดยส่วนตัวตนก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นใคร
นี่คือส่วนหนึ่งเสียงสะท้อนถึงกระบวนการสรรหาคณบดีคนใหม่ แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นใครย่อมมีผลต่อสาธารณะไม่โดยตรงก็โดยอ้อม
