มวยคู่เอก “ชูวิทย์vsเฉลิม” คลิปลับ-ห้องพักหรู-พ่อตานักการเมือง

กลายเป็น “มวยคู่เอก” ของการอภิปรายไม่วางใจวันแรก ซึ่งเป้าหมายของฝ่ายค้านยังไม่ได้อยู่ที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี
โดยเวลาราวบ่ายโมงเศษ ของวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย. “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าล้มเหลวในการปราบปราบแหล่งอบายมุข โดยเฉพาะบ่อนการพนัน
ชูวิทย์ได้อุ้มพระมาด้วยพร้อมท้าให้ ร.ต.อ.เฉลิม สาบานว่าจะ “พูดความจริง”
ก่อนจะเริ่มอภิปรายด้วยสไตล์ถนัด “เล่าเรื่องประกอบคลิป” ซึ่งครั้งนี้อดีตเสี่ยอ่างนำคลิป 3 คลิป มาเปิดกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
คลิปแรก เป็นภาพบ่อนแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก สลับกับคำให้สัมภาษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม โดยชูวิทย์กล่าวว่า ครั้งจะย้าย “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้วให้ “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” มาเป็นแทน ก็บอกว่าคลิปของตนมีข้อมูลดี ใช้ได้ แต่หลังจากย้าย ผบ.ตร.เสร็จ กลับบอกว่าคลิปของตนใช้ไม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาแหล่งอบายมุข มี 2 มาตรฐาน จะใ้ช้กฎหมาย เมื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น
คลิปที่สอง เป็นความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน รวมมูลค่า 5.4 พันล้านบาท ทั่วประเทศ โดยนายชูวิทย์อ้างว่า เมื่อตนลงไปสำรวจความคืบหน้าโครงการดังกล่าวทั่วประเทศ ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ปรากฎว่ามีทั้งปล่อยให้รกร้าง ขึ้นแค่เสาไม่คืบหน้า หรือกระทั่งผู้รับเหมาหลบหนี แสดงให้เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่เคยดูแลความเป็นอยู่ของตำรวจชั้นผู้น้อยเลย
“ต่างกับห้องทำงานของคุณเฉลิมที่ สตช.ที่ใช้เวลาตกแต่งแค่ 30 วันก็เสร็จสิ้น ถ้าดูดีๆ มีแต่ของมีราคา เฉพาะโคมไฟแชนเดอเลียร์ก็น่าจะราคาราว 3 แสนบาท ไม่รู้ว่าใช้เงินใครในการตกแต่ง”
และคลิปสุดท้าย เป็นการรวบรวมภาพกลุ่มชายฉกรรจ์นำทั้งลูกเปตอง ประทัดยักษ์ ก้อนอิฐ ลูกดับเบิล ฯลฯ วนเวียนมาก่อกวนโรงแรมเดวิสที่ตนเป็นเจ้าของ ซึ่งในเวลาแค่ 2 เดือนมีคนมาก่อกวนถึง 8 ครั้ง !
ก่อนจบ “ชูวิทย์” ได้เปรียเปรยเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนิทานซึ่งแต่งขึ้นมาเอง เรื่อง “ไก่บ้าน” ที่เคยขอให้ “พญาฉลาม” ช่วยดูแล
“แต่ถึงเวลาหนึ่ง ไก่บ้านไปอยู่กับพญาอินทรีและพญามังกร จนแปลงสภาพเป็นพญาระกา จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพา พญาฉลามที่กินจุ และกินไม่แบ่ง อีกต่อไป” ชูวิทย์กล่าวเปรียบเปรยเป็นปริศนา
จากนั้นก็ถึงคราว “สารวัตรเฉลิม” ลุกขึ้นชี้แจง ด้วยสีหน้าจริงจังผิดปกติ ว่า
“ที่คุณชูวิทย์เอาพระมานั่นแหล่ะดีแล้ว ผมอธิษฐานต่อพระที่คุณชูวิทย์นำมา ว่าถ้านักการเมืองแบบผมรับเงินจากบ่อน ขอให้พบกับความหายนะ แล้วถ้านักการเมืองคนไหนในสภาฯ รับเงินจากบ่อนขอให้พบกับความหายนะเช่นกัน” !
จากนั้นก็ ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า ไม่ใช่ว่าจะเชื่อทุกคลิปของชูวิทย์ แต่เพราะตนมีข้อมูลมากกว่า 10 เท่า อย่างคลิปบ่อนรัชดาที่นำไปสู่การย้าย ผบ.ตร.เพราะเปิดกันอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนลาสเวกัสหรือเซ็นโทซ่า
“คุณชูวิทย์เคยมีอาชีพอะไรมาก่อน ผมไม่สนใจ เคยถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ฐานค้าประเวณี รื้อบาร์เบียร์โดนศาลจับคุก 5 ปี ผมก็ยังเชื่อนายชูวิทย์ อย่างคลิปบ่อนที่ จ.พิษณุโลกที่คุณชูวิทย์นำมาเปิด ถึงผมจะไม่เชื่อ 100% แต่จะสั่งการ ผบช.ภ.6 ให้ไปดูต่อ ถ้าเห็นก็ให้จับ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
รองนายกฯ รายนี้กล่าวว่า "บ่อน-หวย-ซ่อง" 3 สิ่งนี้เป็นอบายมุข แต่มีนักการเมืองบางคนในสภาฯ ได้รับอนุญาตให้เปิดโรงน้ำชา แต่ไปเปิดเป็นซ่อง เลวที่สุดคือเจ้าของซ่อง ชั่วที่สุดคือบังคับคนให้มาค้าประเวณี
“ที่บอกว่าไม่เคยทำอะไร ไม่จริง เพราะตนให้มีการสืบสวนและจับกุมตลอด อย่างบ่อนการพนัน จับมา 4 หมื่นกว่าแห่ง มีผู้ต้องหา 1.2 แสนคน ไหนล่ะที่ว่าไม่จับ พูดมั่วๆ เรื่องค้าประเวณีก็จับผู้ต้องหาได้กว่า 2.7 หมื่นราย”
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงห้องทำงานใน สตช.ว่าทุกอย่างนำมาจากบ้านและใช้เงินของตัวเองในการตกแต่งทั้งสิ้น ส่วนเรื่องก่อกวนโรงแรมเดวิส ถ้าเกิดขึ้นจริงต้องไปแจ้งความ เรื่องแบบนี้เขาไม่เอามาอภิปรายในสภาฯ ยกเว้นอยากเด่น อยากดัง เพราะมันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่ว่าตนบริหารงานบกพร่อง
สำหรับการก่อสร้างโรงพักทดแทนที่ไม่มีความคืบหน้า ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้อนุมัติไปสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีรองนายกฯคนหนึ่งกำกับดูแล สตช. ก็ปรากฎว่ามี "พ่อตานักการเมือง" คนหนึ่งได้ไปรายเดียว จากนั้นก็นำไปซับคอนแท็กไปเรื่อยๆ
“การซับคอนแท็กก็เหมือนไอติม ดูดไปดูดมาจนหมด ผมเลยตั้งคณะกรรมการสอบสวนครั้งใหญ่ ยังขอบคุณด้วยซ้ำที่คุณชูวิทย์อภิปรายเรื่องนี้ จะได้ไม่หาผมว่าไปเล่นงานฝ่ายค้าน ตามปกติโครงการประเภทนี้จะแยกเป็นภาคๆ แต่โครงการนี้กลับทำทั้งประเทศ เลยมีรายเดียวได้ไป”
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่คุณชูวิทย์อภิปราย เป็นการใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุมีผล ตนเป็นรองนายกฯ ต้องให้เกียรติ ข้อมูลที่คุณชูวิทย์พูดเป็นเท็จทั้งหมด พูดสองแง่สองง่าม เก่งคนเดียว แต่ตนเป็นคนไม่มีแผล
ขณะที่ นายชูวิทย์ขอใช้สิทธิพาดพิงว่า ข้อมูลของตนที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดเกี่ยวกับคดีของตน เป็นข้อมูลที่ผิดทั้งหมด
โดยสรุป “มวยคู่เอก” ของศึกซักฟอกยกแรก ใช้เวลาในการแลกหมัด-ปะทะคารม รวม 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี แบ่งเป็นฝ่ายชูวิทย์ 36 นาที และฝ่ายเฉลิม 24 นาที ทำเอาบรรยากาศในสภาฯ ร้อนระอุ !!!
