ปชป.งัดปม“สวนจตุจักร”ถล่ม“ชัจจ์”จ้าง บ.“ผู้กองตุ๋ย-พวก”บริหาร
ปชป.งัดปม“สวนจตุจักร”ถล่ม“ชัจจ์ กุลดิลก” จ้างบ.ผู้กองตุ๋ยบริหาร เจ้าตัวแจงบอกให้ช่วยดูแลให้เรียบร้อย การรถไฟฯว่าจ้าง

ในการอภิปรายไม่วันวางใจคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ประเด็นหนึ่งที่ นายอรรถวิช สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคือการบริหารพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักรของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งหมดสัญญาเช่ากับกรุงเทพมหานคร
โดยนายอรรถวิชได้กล่าวหาว่าพล.ต.ท.ชัจจ์บริหารงานด้วยการเอื้อประโยชน์พวกพ้องโดยกล่าวถึงกรณีการรถรถไฟว่าจ้างบริษัท Tam (2011) แมเนจเมนท์ จำกัด บริหารพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โดยบริษัทดังกล่าวมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และคนนามสกุลซึ่งนามสกุลเดียวกับอดีต ส.ส.อุดรธานีพรรคเพื่อไทยร่วมถือหุ้น
ขณะที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ชี้แจงสรุปว่า ตนเองเคยรับราชการตำรวจมานาน เป็นที่รู้จักของตำรวจและทหารจำนวนมาก และเป็นที่เคารพของน้องๆ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคมซึ่งจะต้องดูแลการบริหารที่ดินการรถไฟฯ จึงบอกน้องเสธ.ต่างๆให้มาช่วยกันดูแลตลาดนัดสวนจตุจักรให้เรียบร้อย ไม่มีอะไร การที่บริษัทดังกล่าวทำโรงสีอย่างไรก็ไม่ทราบเป็นเรื่อง ของการรถไฟฯเป็นผู้ว่าจ้าง ยืนยันว่าตนไม่มีอะไร รับรองได้
ขณะที่นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายกล่าวหา พล.ต.ท.ชัชจ์ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทำผิดกฎหมายการรถไฟของประเทศไทยมาตรา 37 และกฎหมายคุณสมบัติพนักงานรัฐวิสาหกิจ กรณีที่ พล.ต.ท.ชัชจ์ และ ครม.มีมติ รับรองและแต่งตั้งนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และกรณีที่บอร์ดการรถไฟเปิดให้มีการสรรหาผู้ว่าการรถไฟคนใหม่ จนมีการเลือกนายประภัสร์ เป็นผู้ว่า รฟท.
นายนคร ระบุว่า การแต่งตั้ง นายประภัสร์ เป็นผู้ว่า รฟท. ถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากคุณสมบัติผู้จะดำรงตำแหน่งนี้ ต้องไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองและหากเป็นผู้นำองค์กรของเอกชนต้องเป็นองค์กรที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า5พันล้านบาทต่อปี และต้องเป็นผู้บริหารหรือรองผู้บริหารองค์กร ซึ่งนายประภัสร์ขาดคุณสมบัติทั้งสองข้อ
“นายประภัสร์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม เพิ่งลาออกเมื่อ 21 มิถุนายน 2555 และได้ตรวจสอบเอกสารรายงานของ รฟม.ปี 2549-2550 และตรวจสอบข้อมูลจาก สตง.พบว่าปี 2550 รฟม.มีรายได้ไม่ถึง5พันล้านบาท ปี2551 มีรายได้ 529ล้านบาท ดังนั้นมติ ครม.เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2555 พล.ต.ท.ชัชจ์และนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบที่แต่งตั้งบุคคลที่เข้าข่าย หมิ่นเหม่ต่อความผิดทางกฎหมาย” นายนครอ้าง
นายนคร ตั้งข้อสังเกตว่า การแต่งตั้งนายประภัสร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท. อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่การรถไฟบริเวณ กม.11 มูลค่า 1.5แสนล้านบาท และแผนพัฒนาพื้นที่มักกะสัน 3 แสนล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา นายนครได้ถอนการอภิปรายเรื่องนี้ออกไปทั้งหมด หลังถูกโต้แย้งว่าทำผิดกฎหมาย ส่งญัตติไม่ครบถ้วน กรณีพาดพิงถึงนายกฯ เนื่องจากญัตติการถอดถอนมีเพียงแต่ พล.อ.อ.สุกำพล และพล.ต.ท.ชัชจ์
