คำแนะนำ “ปธ.ศาลฎีกา” เรื่องการประนีประนอมคดีครอบครัว

ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เผยแพร่ “คำแนะนำของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ประนีประนอมคดีครอบครัว พ.ศ.2555” ที่ลงนามโดย นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน มีสาระสำคัญ ดังนี้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 150 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ประธานศาลฎีกาออกคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ประนีประนอมคดีครอบครัว ดังต่อไปนี้
หมวด 1 การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม
ข้อ 1 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความระมัดระวัง และจักต้องไม่กระทำการใด ๆ อันอาจเป็นเหตุให้การพิจารณาพิพากษาคดีขาดความเป็นอิสระหรือความยุติธรรม
ข้อ 2 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องวางตนเป็นกลางในการไกล่เกลี่ย ทั้งจักต้องไม่ทำให้คู่ความสงสัยว่าฝักใฝ่ช่วยเหลือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ข้อ 3 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใด ๆ อันอาจทำให้การไกล่เกลี่ยเสียความเป็นกลาง
ข้อ 4 ไม่ว่ากระบวนการไกล่เกลี่ยจะดำเนินไปแล้วเพียงใด ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัว จักต้องเปิดเผยความขัดแย้งในผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือที่อาจเกิดขึ้นตามที่ตนทราบอันอาจเป็นเหตุให้คู่ความมีความสงสัยในความเป็นกลางของตน ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล องค์คณะผู้พิพากษาและคู่ความทราบความขัดแย้งในผลประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้รวมถึง
(1) การกระทำหรือความสัมพันธ์ที่อาจก่อให้ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวเกิดอคติ
(2) การที่ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวมีผลประโยชน์ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อพิพาทซึ่งตนดำเนินการไกล่เกลี่ย
(3) การที่ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวมีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางการเงิน ธุรกิจ อาชีพ ครอบครัวหรือทางสังคมกับคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ข้อ 5 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวพึงช่วยเหลือสนับสนุนการเจรจาระหว่างคู่ความเพื่อหาแนวทางในการยุติข้อพิพาท โดยไม่ออกความเห็นใด ๆ อันเป็นการชี้ขาดเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทและทางเลือกในการตกลงระงับข้อพิพาท เว้นแต่คู่ความจะได้ตกลงกันให้ผู้ประนีประนอมออกความเห็นเช่นว่านั้น
ข้อ 6 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องละเว้นไม่ออกคำสั่งหรือใช้อิทธิพลใด ๆ เพื่อให้คู่ความต้องจำยอมเข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยหรือตัดสินใจในกระบวนการไกล่เกลี่ยโดยฝ่าฝืนต่อความสมัครใจของคู่ความ
ข้อ 7 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวไม่พึงรับทำการงานใด ๆ ให้แก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ตนไกล่เกลี่ยไม่ว่าการไกล่เกลี่ยนั้นจะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ เว้นแต่คู่ความทุกฝ่ายจะให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
ในกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวทำการงานใด ๆ ในระหว่างที่กระบวนการไกล่เกลี่ยยังไม่สิ้นสุด ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้คู่ความทุกฝ่าย ผู้รับผิดชอบราชการศาล และองค์คณะผู้พิพากษาทราบ
ข้อ 8 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องไม่รับทรัพย์สินหรือแสวงหาประโยชน์ใด ๆ จากคู่ความหรือจากบุคคลอื่นใดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งต้องดูแลมิให้บุคคลในครอบครัวกระทำการดังกล่าวด้วย
หมวด 2 การรักษาความลับที่ตนล่วงรู้จากการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 9 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องเก็บรักษาบรรดาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการไกล่เกลี่ยหรือที่ตนได้รู้เห็นมาอันเนื่องจากการทำหน้าที่ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวไว้เป็นความลับโดยเคร่งครัด
ข้อ 10 ผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวจักต้องไม่เปิดเผย ให้ข่าว อภิปราย หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อบุคคลภายนอกเกี่ยวกับคดีที่ทำการไกล่เกลี่ย
