เดิมพัน “อภิสิทธิ์-สุกำพล” ปมถอดยศ วัดดวงกันต่อที่ “ศาลปกครอง”

หลังจากศาลปกครองกลางรับคำฟ้องของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรณีที่ขอให้เพิกถอนคำสั่ง รมว.กระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดออกจากราชการเนื่องจากใช้เอกสารปลอมเข้ารับราชการทหาร เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2900/2555 เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
เรื่องนี้จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะฝั่ง “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.กระทรวงกลาโหม ที่มีทีมแบ็คอัพข้อมูลคือทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องการเล่นงานหัวหน้า ปชป.ให้ไปถึงขั้นว่าต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.เพราะมีคุณสมบัติต้องห้าม “เคยถูกปลดออกจากราชการ”
ขอเท้าความว่า กรณีปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการ เริ่มต้นจาก “นายกมล บันไดเพชร” ทีมกฎหมายพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่รวบรวมพยานหลักฐานมานานปี พร้อมกับเคยยื่นเรื่องให้รัฐบาล พปช.ดำเนินการแล้ว แต่ “นายสมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหมสมัยนั้น ไม่ต้องการให้มีเรื่องใดกระทบกับความสัมพันธ์ของกองทัพจึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ
ต่อมาเมื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ขึ้นมาเป็นรัฐบาลในช่วงต้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็น รมว.กระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพราะเห็นว่าคดีหมดอายุความแล้ว
กระทั่งมีกรณีที่หัวหน้า ปชป.ไปฟ้องร้องแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง “นายจตุพร พรหมพันธุ์” กรณีหมิ่นประมาทจากการพูดเรื่องหนีทหาร
ส่งผลให้คน พท.หาทางรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมา โดยมือกฎหมายอย่าง “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” กลับไปศึกษาช่างทางเล่นงานนายอภิสิทธิ์ ก่อนจะมีการชงเรื่องจากอดีตนายทหาร เตรียมทหาร รุ่น 10 หรือ ตท.10 รายหนึ่งไปให้ พล.อ.อ.สุกำพล หรือ “บิ๊กโอ๋” ที่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.กระทรวงกลาโหม ต่อจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ตั้งคณะกรรมการสอบ
จนกลายเป็นผลงาน “ชิ้นโบว์แดง” ที่คนใน พท.ต่างชื่นชมฝีมือและความกล้าหาญของ พล.อ.อ.สุกำพล ที่กล้าเดินหน้าในเรื่องนี้ โดยมี พล.อ. ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการสอบ) ว่าที่ปลัดกระทรวงกลาโหมคนต่อไป เป็นคนออกหน้า โดยทำหน้าที่ตั้งแท่นนำเรื่องเสนอต่อ รมว.กระทรวงกลาโหม ให้ลงนามในคำสั่ง “ปลดออกจากราชการ” ร.ต.นายอภิสิทธิ์
ก่อนที่ พล.อ.อ.สุกำพลจะลงนามในคำสั่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เหตุที่คดีนี้คืบหน้าไปเร็วมาก เป็นเพราะฝีมือของทีมกฎหมาย พท.ที่ร่วมมือกับ รมว.กระทรวงกลาโหม และนายทหารระดับสูงบางคน ที่ได้รับการผลักดันสมัยรัฐบาลชุดนี้ ส่งผลให้มีพยานหลักฐานเพียงพอต่อการถอดยศนายอภิสิทธิ์
“เพียงแต่กระบวนการที่มากไปกว่านั้น เช่นการยื่นคำร้องให้วินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ คงจะถูกตอบโต้ทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ “พล.ท.พินิจ ฉัตรเสถียรพงษ์” รองเจ้ากรมเสมียนตรา กล่าวว่า จากการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาถึง 2 คณะ ได้พยานหลักฐานที่ค่อนข้างครบถ้วนว่าเรื่องนี้มีความผิดทางวินัยทหาร ซึ่งหลังจากศาลปกครองรับคำฟ้องก็จะไปพิจารณาถึงเนื้อหาในคำสั่งว่าเป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบตามที่ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ยื่นคำฟ้องไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าการเล่นงานนายอภิสิทธิ์จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะหัวหน้า ปชป.ได้มอบหมายให้ “นายบัณฑิต ศิริพันธุ์” ทนายความเข้ายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของ พล.อ.อ.สุกำพล ขณะที่ศาลปกครองรับคำฟ้องไว้พิจารณา พร้อมเรียกให้คู่ความส่งคำให้การภายใน 30 วัน
เวทีต่อไปจึงต้องไปสู้กันใน “ศาลปกครอง” ซึ่งผลออกมาได้ 2 ทาง
1.ศาลปกครองไม่เพิกถอนคำสั่งของ รมว.กระทรวงกลาโหม ก็จะนำไปสู่การยื่นตีความคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์ ที่อาจทำให้หลุดจากตำแหน่ง ส.ส. และจะทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ โดยเฉพาะตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ได้อีก
2.ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งของ รมว.กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพลก็จะต้องเป็นฝ่ายตั้งรับคอบแก้ต่างข้อกล่าวหาจากการไต่สวนโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ตามคำร้องของ ส.ส.ปชป.ที่มีทั้งให้ถอดถอน และให้เอาผิดทางอาญา
เรียกได้ว่างานนี้มีเดินพันสูงกันทั้ง 2 ฝ่าย !!!
