“นพ.ประวิทย์” ชี้บริการ3จีต้องไม่กำหนดวันหมดอายุ
วันนี้ (11 ธ.ค.) นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่ให้ทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองของ กสทช. ที่ห้ามผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า (พรีเพด) กำหนดระยะเวลาให้ผู้บริโภคเร่งใช้งาน โดยศาลมีคำสั่งไม่ทุเลาการบังคับของ กสทช. กรณีมีคำสั่งปรับทางปกครองวันละ 100,000 บาทต่อผู้ให้บริการที่ฝ่าฝืน ดังนั้นสำนักงาน กสทช. สามารถเรียกค่าปรับบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังกำหนดวันหมดอายุของการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบพรีเพดได้วันละ 1 แสนบาท จนกว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้
นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า กรณีห้ามกำหนดวันหมดอายุของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินในบริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2จี อาจยังเป็นข้อถกเถียงกัน เนื่องจากประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ไม่ใช่บทบังคับในลักษณะเด็ดขาด หากแต่มีข้อยกเว้นให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมสามารถกำหนดระยะเวลาได้โดยขอรับความเห็นชอบเป็นการล่วงหน้าจาก กทช. หรือ กทค. ในปัจจุบัน ซึ่งประกาศฉบับนี้ออกมาหลังจากมีบริการ 2จีแล้ว ดังนั้นจึงเกิดการถกเถียงกันมาก แต่อย่างไรก็ตามสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) ได้เสนอไปว่าควรกำหนดวันหมดอายุไว้ที่ 180 วัน ซึ่งกทช. หรือคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้กำหนดไว้ที่ 1 ปี ดังนั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องดำเนินการตาม
“เรื่องการกำหนดวันหมดอายุของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินในระบบ 2จียังคงต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อศาลไม่รับคำขอเอกชน กสทช.จึงมีอำนาจในการปรับวันละ 1 แสนบาทจนกว่าเอกชนจะดำเนินการแก้ไขปัญหา ขณะที่เอกชนก็มีทางออก คือ มาหารือกับกสทช.เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมของการกำหนดวันหมดอายุที่เหมาะสม เนื่องจาก ข้อกำหนดตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 นั้นไม่ใช่บทบังคับในลักษณะเด็ดขาด หากแต่มีข้อยกเว้นให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมสามารถกำหนดระยะเวลาได้โดยขอรับความเห็นชอบเป็นการล่วงหน้าจาก กทช. หรือ กทค. ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเอกชนไม่เคยเข้ามาหารือกับกทค.ในเรื่องนี้เลย” นพ.ประวิทย์ กล่าว
นพ.ประวิทย์ กล่าวต่อว่า วันนี้เมื่อกสทช.กำลังจะออกใบอนุญาต 3จีให้กับเอกชนที่ชนะการประมูลทั้ง 3ราย ก็ควรบังคับใช้ประกาศดังกล่าวไปด้วยเลยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนระบบ 2จี โดยกำหนดให้บริการ 3จีไม่มีโปรโมชั่นที่กำหนดวันหมดอายุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้จัดแถลงข่าว “กสทช.พร้อมออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ เพื่อให้บริการ 3จี แก่ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลใบอนุญาต 3จี ของกสทช. เมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 โดยมี พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ร่วมแถลงข่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.55 ที่ประชุม ได้มีมติรับรองผลการออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ให้กับผู้ชนะการประมูลทั้ง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนจะนำเรื่องเสนอให้ประธานกสทช. ลงนาม และดำเนินการแจ้งเอกชนเพื่อให้รับใบอนุญาต ขณะที่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า ส่วนการลดค่าบริการเฉลี่ยลดลง15% ทั้งประเภทเสียงและข้อมูลได้ระบุไว้ในเงื่อนไขการออกใบอนุญาตเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค จนกว่า กสทช.จะออกประกาศ เรื่อง การกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูง ซึ่งคาดจะใช้ระยะเวลานาน เบื้องต้นประชาชนสามารถใช้อัตราค่าบริการดังกล่าวได้ประมาณเดือนเม.ย.56 นอกจากนี้ผู้ประกอบการสามารถที่จะเตรียมนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมได้ตามกระบวนการขั้นตอน.

