“โอ๊ค-สุริยะใส”ซัดกันนัว!! ปม ช่อง 11 ยิงสด “ทักษิณ” เปิดงานชกมวย "มาเก๊า"
"โอ๊ค" ระบุ ช่อง 11 ยิงสด "ทักษิณ" เปิดงานชกมวยมาเก๊าเรื่องปกติ - ช่วยหารายได้ให้ ซัด พธม.บุกทำลายทรัพย์สินเสียหายมากกว่า "สุริยะใส" สวนทันควัน ผู้ชุมนุม "มาตรฐานเหนือ" อดีตนายกฯ หนีคดีแถมใช้โทรทัศน์ภาษีประชาชนแก้ต่าง

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (WWW.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความใน FACEBOOK ส่วนตัว ชื่อ Oak Panthongtae Shinawatra ถึงกรณีช่อง 11 ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสม ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์ส จากมาเก๊า ในช่วงค่ำวันที่ 9 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่การเปรียบเทียบเหตุการณ์ม็อบพันธมิตรบุกช่อง 11 ว่า สร้างความเสียหายมากกว่า
นายพานทองแท้ ระบุว่า “คุณพ่อผมถวายความจงรักภักดี แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยช่อง11ทำการถ่ายทอดสด เนื่องจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันMuay Thai Wariors ได้เช่าเวลาสถานีไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อทราบว่าคุณพ่อผมจะมามาเก๊าในช่วงเวลาเดียวกัน จึงได้เชิญเป็นประธานในพิธี ซึ่งทำให้ช่อง11 มีรายได้จากเงินค่าเช่าเวลาด้วยซ้ำ เท่านั้นแหละออกมาโวยวายกันใหญ่ จะเป็นจะตายกันให้ได้”
“จะว่าคุณพ่อผมไม่เคยมีภาพถ่ายทอดสด มาปรากฏที่เมืองไทย ก็ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะช่วงที่อยู่อังกฤษเวลาที่ทีมแมนซิตี้ลงแข่ง มักจะปรากฏภาพคุณพ่อผม ไปนั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม บนจอถ่ายทอดสดทุกครั้ง ซึ่งแฟนบอลพรีเมียร์ลีกทุกท่าน ก็ย่อมเคยเห็นและคุ้นเคยเป็นอย่างดี”
“ในเมื่อเหตุผลที่ยกมาว่ากล่าวเพื่อโจมตีคุณพ่อผม ทั้งการใช้ช่อง11โปรโมทตัวเองฟรีๆก็ไม่ใช่ การถ่ายทอดสดที่มีคุณพ่อผมอยู่ในงานก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แล้ว"เหตุผลจริงๆที่ ทำให้สลิ่มแมลงสาบออกมาวิ่งกันพล่าน เหมือนโดนไบก้อนยี่ห้อทักษิณฯแบบนี้ มันน่าจะเกิดจากอะไรครับ ? ใครรู้ช่วยบอกผมหน่อยครับ?”
นายพานทองแท้ ยังได้นำรูปเหตุการณ์ม็อบพันธมิตร บุกช่อง 11 มาโชว์ พร้อมระบุว่า “รูปในโพสต์นี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ TVช่อง11(NBT) และกรมประชาสัมพันธ์ ครับ”
“ผมอยากจะให้เปรียบเทียบเหตุการณ์ทั้ง2เหตุการณ์นี้ดู ว่าแบบไหนที่สร้างความเสียหายให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง11(NBT) กันแน่ รูปด้านซ้ายบน เป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(9ธ.ค.55) ที่คุณพ่อผมได้ถวายความจงรักภักดี ร่วมกับพสกนิกรชาวไทยนับพันคนซึ่งอาศัยอยู่ในมาเก๊า ด้วยการจุดเทียนชัยถวายพระพร นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชาร่วมกัน โดยช่อง11 ได้ถ่ายทอดสดมายังเมืองไทย
"ส่วนอีก2รูปตัดมาจากหนังสือพิมพ์เมื่อปี2551 เป็นรูปการบุกช่อง11 ของกลุ่มพันธมิตรที่ต้องการจะยึดสถานี เพื่อถ่ายทอดสัญญาณของASTV ออกทางช่อง Free TV พร้อมทั้งระบุข้อความว่า
"--ลุยเอ็นบีที-- ม๊อบพันธมิตรนำโดยนายวัชระ เพชรทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พังประตูสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เข้าไปยึดอาคารต่างๆ"
นายพานทองแท้ ยังได้ระบุทิ้งท้ายว่า “ผมก็มีทฤษฎีของผมที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่องนี่เหมือนกัน เดี๋ยวเรามาคุยกันต่อในโพสต์หน้าว่าเหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไร สวัสดีครับ”
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาต่อมา เว็ปไซด์ ผู้จัดการออนไลน์ ได้รายงานข่าว นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาตอบโต้ข้อเขียนดังกล่าวของนายพานทองแท้ โดย สุริยะใส กตะศิลา ระบุว่า การหยิบยกสองเหตุการณ์มาเปรียบเทียบบ่งชี้ให้เห็นว่านายพานทองแท้เองก็เห็นว่าการกระทำของบิดาตนเองนั้นเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหาย
พร้อมกันนี้นายสุริยะใสยังชี้แจงด้วยว่า กรณีของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีซึ่งก่อตั้งและดำเนินงานโดยภาษีของประชาชนเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2551 นั้นมีจุดประสงค์เพื่อ เรียกร้องความเป็นธรรมจากการนำเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุม โดยมีการนำเอาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมาจัดรายการให้ร้ายการชุมนุมเพียงข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นธรรมและผิดจรรยาบรรณสื่อ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นผู้มีความผิด ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายจับของศาล แต่กลับใช้สถานีโทรทัศน์จากภาษีประชาชนมาแก้ต่างให้กับตัวเอง
“กรณีที่ผู้ชุมนุมกับพันธมิตรฯ บางส่วนบุก NBT นั้น มีเจตนารมณ์เพื่อทวงถามและเรียกร้องความเป็นธรรมจากสถานีโดยเฉพาะการเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุมและเอาแกนนำ นปช.มาจัดรายการใส่ร้ายการชุมนุมพันธมิตรฯ ข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจงหรือนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นธรรมตามหน้าที่และจรรยาบรรณสื่อ และไม่มีการเผาหรือทำลายข้าวของสถานีแต่อย่าง มีกระจกประตูแตกเพียงบานเดียว” นายสุริยะใสระบุ
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูล และถามกลับ นายพานทองแท้ด้วยว่า “กลุ่มคนที่บุก NBT ถูกดำเนินคดีทั้งหทด 87 คน ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ และคุณโอ๊ค ต้องรู้ไว้ด้วยว่าผู้ต้องหาทั้ง 87 คน ไม่หลบหนีคดี มาตามนัดหมายศาลทุกนัด และทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดไม่ว่าจะมีคำพิพากษาประการใดก็พร้อมน้อมรับ ต่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายศาล หมายจับ และยังใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นระยะ
“อยากถามกลับคุณโอ๊ค พานทองแท้ เช่นกันว่า ถ้าผู้ต้องหาคดี NBT ทั้ง 87 คน รณรงค์รับเงินบริจาคไปเช่าช่วงเวลาใน NBT เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์และความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา จะได้หรือไม่ นายกฯ กับ รมต.ศัสนีย์ และ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะอนุญาตหรือไม่?”
สำหรับข้อความฉบับเต็มในเฟซบุ๊กของนายสุริยะใส มีรายละเอียดดังนี้
ตอบคำถาม กรณีคุณโอ๊ค พานทองแท้ โพสต์ในเฟซบุ๊ก ถามว่าระหว่าง พันธมิตรฯ บุก NBT เมื่อปี 2551 กับกรณี NBT ถ่ายทอดสด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดงานมวยที่มาเก๊า เหตุการณ์ไหนเสียหายมากกว่ากัน
1. คำถามเช่นนี้ย่อมแสดงว่าคุณโอ๊คเอง ก็ยอมรับว่าการถ่ายทอดสดงานที่พ่อตัวเองเปิดงานจากมาเก๊า เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ สร้างความเสียหายไม่มากก็น้อย
2.กรณีที่ผู้ชุมนุมกับพันธมิตรฯ บางส่วนบุก NBT นั้น มีเจตนารมณ์เพื่อทวงถามและเรียกร้องความเป็นธรรมจากสถานีโดยเฉพาะการเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุมและเอาแกนนำ นปช.มาจัดรายการใส่ร้ายการชุมนุมพันธมิตรฯ ข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจงหรือนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นธรรมตามหน้าที่และจรรยาบรรณสื่อ และไม่มีการเผาหรือทำลายข้าวของสถานีแต่อย่าง มีกระจกประตูแตกเพียงบานเดียว
3.ต่างกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นผู้มีความผิด หลบหนีคดี ถูกพิพากษาจำคุก คดีเสร็จเด็ดขาดแล้วและหลบหนีหมายจับของศาล แต่ NBT ในฐานะที่เป็นสื่อของรัฐก่อตั้งมาจากภาษีประชาชนกลับไม่นำพา จงใจละเมิดกฎหมายและหลักปฏิบัติอันดีงาม ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐในฐานะผู้ถืออำนาจ บังคับใช้กฎหมาย แต่เลือกปฏิบัติเสียเอง ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งความเสียหายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง
4.กลุ่มคนที่บุก NBT ถูกดำเนินคดีทั้งหทด 87 คน ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ และคุณโอ๊ค ต้องรู้ไว้ด้วยว่าผู้ต้องหาทั้ง 87 คน ไม่หลบหนีคดี มาตามนัดหมายศาลทุกนัด และทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดไม่ว่าจะมีคำพิพากษาประการใดก็พร้อมน้อมรับ ต่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายศาล หมายจับ และยังใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นระยะ
5.อยากถามกลับคุณโอ๊ค พานทองแท้ เช่นกันว่า ถ้าผู้ต้องหาคดี NBT ทั้ง 87 คน รณรงค์รับเงินบริจาคไปเช่าช่วงเวลาใน NBT เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์และความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา จะได้หรือไม่ นายกฯ กับ รมต.ศัสนีย์ และ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะอนุญาตหรือไม่
