เปิดผลสอบ สตง. ชำแหละ “สารพัด” พิรุธงบฟื้นฟูน้ำท่วม 56 วัด จังหวัดพิษณุโลก
"...ไม่มีหลักฐานแสดงฐานะการเงินของวัดเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ขอเป็นวัดพัฒนาและเมื่อมีชาวบ้านมาร้องเรียน เรื่องการเงินของวัดด้วย นอกจากนั้นอาจเป็นจุดอ่อนที่ทําเกิดการทุจริตในการรับ - จ่ายเงินของวัดได้ด้วย..."

หมายเหตุ: เป็นรายละเอียดในผลการตรวจสอบการดำเนินงาน การใช้จ่ายเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2555 ในส่วนของ “วัด” ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
--------------------------------
ความเป็นมาในการตรวจสอบ
ในช่วงในปลายปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนหลายครั้งติดต่อกัน ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศประสบอุทกภัยค่อนข้างรุนแรง จังหวัดพิษณุโลก เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นดังกล่าว ซึ่งมีผลทำให้วัด พระภิกษุ สามเณร ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากเสนาสนะและ ทรัพย์สินต่างๆ ของวัดถูกน้ำท่วมเสียหาย ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือวัดต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายให้กลับคืนสู่ สภาพเดิมโดยเร็ว คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 อนุมัติงบประมาณแผนงาน/โครงการเพื่อให้ ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้งบประมาณ รายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปพลางก่อน ให้สํานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเงิน 51.188 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ด้านโครงสร้างพื้นฐานแก่วัด ใน 9 จังหวัด รวม 200วัด
โดยในส่วนของจังหวัดพิษณุโลก สํานักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดพิษณุโลก ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อนําไปบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย จํานวน 56 วัด เป็นเงิน 20.698 ล้านบาท
สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า การใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการบูรณะเสนาสนะและ ทรัพย์สินอื่นของวัดต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เป็นภารกิจที่ สําคัญและมีความจําเป็นเร่งด่วน ประกอบกับจังหวัดพิษณุโลกได้รับการจัดสรรงบประมาณ ในวงเงินที่ค่อนข้างสูง และอยู่ในความสนใจของสังคม
จึงได้เลือกตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปีงบประมาณ 2555 ของสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด พิษณุโลก เพื่อให้ทราบถึงผลการดําเนินงานตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ต่อไป
ผลการตรวจสอบ
สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก ได้ดําเนินการเบิกจ่ายและโอนงบประมาณเงินอุดหนุนเข้าบัญชี ธนาคารของวัดครบทั้ง 56 แห่ง แล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2555 โดยวัดทั้ง 56 แห่ง ได้ส่ง ใบตอบรับเงินอุดหนุนและแบบรายงานการใช้จ่ายเงิน ให้สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกทราบแล้ว
จากการตรวจสอบผลการใช้จ่ายเงินในภาพรวม พบว่า การใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าว เป็น ประโยชน์ต่อพระภิกษุ สามเณร คณะสงฆ์ รวมทั้งประชาชนให้สามารถใช้ประโยชน์จากเสนาสนะและทรัพย์สินที่
ข้อสังเกตที่ 1
การสนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือในการซ่อมแซมวัดยังขาดข้อมูล ความเสียหายที่ชัดเจน ในการสำรวจความเสียหายของเ สนาสนะและทรัพย์สินอื่นของวัดที่ประสบอุทกภัย เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณยังขาดข้อมูลความเสียหายที่ชัดเจน
กล่าวคือ ในขั้นตอนการสำรวจข้อมูลความเสียหาย กำหนดให้เจ้าอาวาสวัดที่ประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณต้องกรอกข้อมูล เพื่อรายงานความเสียหาย ในแบบสำรวจข้อมูลวัดที่ประสบอุทกภัยตามแบบที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนด โดยทางวัด จะต้องระบุรายการเสนาสนะ หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น อุโบสถ วิหาร กุฏิ ศาลาการเปรียญฯ ที่ได้รับความ เสียหายพร้อมมูลค่าความเสียหาย พร้อมแนบรายละเอียด/บัญชีประมาณการค่าเสียหายและรูปถ่ายจำนวน 5 ภาพ
จากการตรวจสอบแบบสำรวจข้อมูลความเสียหายของวัดในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการ บูรณะเสนาสนะของวัด พบว่า มีวัดจำนวน 38 แห่ง ไม่ได้ระบุรายละเ อียดของ สภาพความเ สียหายของ เสนาสนะที่ชัดเจน โดยระบุเพียงเสนาสนะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขังภายในบริเวณวัดพร้อมภาพถ่าย สิ่งปลูกสร้างที่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งมิได้ระบุรายละเอียดรูปแบบของกิจกรรมที่จะใช้เป็นแนวทางในการฟื้นฟูที่ชัดเจน
โดยระบุเพียงว่า “บูรณะระยะเร่งด่วน ต้องดำเนินการทันทีภายหลังน้ำลด” พร้อมวงเงินที่จะนำมาใช้ในการ บูรณะฟื้นฟูเท่านั้น
ซึ่งหากพิจารณาถึงวัตถุประสงค์และแนวทางการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟูและ ป้องกันความเสียหายของผู้ได้รับผลกะทบจากอุทกภัยตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับโครงการหรือ กิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินเดิมที่เกิดชำรุด เสียหายจากน้ำท่วมเป็นหลัก มิใช่เป็นโครงการในลักษณะเป็นการก่อสร้างใหม่ แต่การที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดพิษณุโลกได้พิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณให้กับ วัดต่างๆ เพื่อใช้ในการถมดินปรับพื้นที่ซึ่งมี ลักษณะเป็นการก่อสร้างใหม่และไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม จึงไม่ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ข้อสังเกตที่ 2
การใช้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะและปฏิสังขรณ์ของวัดบางแห่งไม่เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ที่กำหนด
จากการตรวจสังเกตการณ์การดําเนินการใช้จ่ายเงินงบประมาณในการบูรณะเสนาสนะและทรัพย์สิน ต่างๆของวัดที่ประสบอุทกภัย จํานวน 26 แห่ง เปรียบเทียบกับรายละเอียดของกิจกรรม ที่วัดจะดําเนินการ บูรณะเ สนาสนะและทรัพย์สินต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในแบบสํารวจข้อมูลที่แจ้งให้สํานักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติเพื่อของบประมาณ แบบประมาณการค่าเสียหายเพื่อขอรับสนับสนุนงบประมาณ และบัญชีจัดสรร อนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนให้กับวัดที่ประสบอุทกภัย พบว่า วัดบางแห่งนํางบประมาณที่ได้รับไปใช้จ่ายโดย ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์จํานวน 11 วัด หรือร้อยละ 42.71 ของวัดที่ตรวจสอบ ได้แก่
1. วัดน้ำผึ้ง ตําบลท่าสะแก อําเภอชาติตระการ ที่ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายใน การซ่อมแซม หลังคาวิหารและศาลาการเปรียญ และยกระดับกุฏิที่ถูกน้ำท่วมให้สูงขึ้น จํานวน 3 หลัง เป็นเงิน 594,500 - บาท แต่ในการดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการทาสีผนังวิหาร กุฏิ และเทพื้นคอนกรีตบริเวณศาลาการเปรียญ และนําเงินส่วนที่เหลือนําไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกุฏิหลัง ใหม่ จํานวน 1 หลัง
2. วัดหนองลาน ตําบลนครไทย อําเภอนครไทย ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการ ซ่อมแซมโครงสร้างกุฏิ และศาลาการเปรียญที่ทรุดตัว เป็นเงิน 50,800.- บาท แต่ในการดําเนินการจริงวัดได้นํา เงินบางส่วนไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการทาสีกุฏิและศาลาการเปรียญ และนําเงินส่วนที่เหลือไปจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง มาใช้ในการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แทน
3. วัดนาบัว ตําบลนาบัว อําเภอนครไทย ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ประตูหน้าต่างอุโบสถ และเสากุฏิที่ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 83,200.- บาท แต่ในการดําเนินการจริงวัดได้นํา เงินบางส่วนไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเทพื้นปูนโดยรอบบริเวณอุโบสถ และนําเงินส่วนที่เหลือนําไปสมทบกับเงิน ของวัดที่ได้รับบริจาคไปเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกุฏิหลังใหม่แทน
4. วัดโพธิ์ประสาท ตําบลบ่อทอง อําเภอบางระกํา ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุน เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายใน การถมดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัด เป็นเงิน 350,100.- บาท แต่ในการดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วน ไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเทพื้นคอนกรีตบริเวณหน้าศาลาการเปรียญ และนําเงินส่วนที่เหลือสมทบกับเงินของ วัดที่ได้รับบริจาคไปเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างห้องน้ำแทน
5. วัดราษฎร์บําเพ็ญ ตําบลบางระกํา อําเภอบางระกํา ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายใน การถมดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัด เป็นเงิน 400,000.- บาท แต่ในการดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไป ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการถมดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัดเพียงบางส่วน และนําเงินส่วนที่เหลือไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายใน การเทพื้นคอนกรีตรอบอุโบสถและสมทบกับเงินของวัดที่ได้รับบริจาคไปเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกําแพงวัด
6. วัดกรับพวง ตําบลวังอิทก อําเภอบางระกํา ได้ขอและรับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่าย ในการถม ดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัด เ ป็นเ งิน 400,000.- บาท แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้เป็น ค่าใช้จ่ายในการเทพื้นคอนกรีตภายในบริเวณวัด และนําเงินส่วนที่เหลือสมทบกับเงินของวัดที่ได้รับบริจาคไปเป็น ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงครัว
7. วัดวังพิกุลวราราม ตําบลวังพิกุล อําเภอวังทอง ได้ขอและรับเงินอุดหนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการถม ดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัด เป็นเงิน 312,400.- บาท แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในการลง หินเกร็ดปรับพื้นที่และภูมิทัศน์ภายในบริเวณวัด และนําเงินส่วนที่เหลือไปปรับปรุงพัฒนาวัดในด้านอื่นๆ
8. วัดกําแพงมณี ตําบลโคกสลุด อําเภอบางกระทุ่ม ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้ซ่อมแซมหลังคา ศาลาพิพิธภัณฑ์ ยกระดับกุฏิเจ้าอาวาสให้สูงขึ้น และถมดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัด เป็นเงิน 1,000,000.- บาท แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยเทพื้นคอนกรีตภายในบริเวณวัดและ ปรับปรุงศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ และนําเงิน ส่วนที่เหลือสมทบกับเงินของวัดไปเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกุฏิขึ้น ใหม่ จํานวน 1 หลัง
9. วัดเสนาสน์ ตําบลท่างาม อําเภอวัดโบสถ์ ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้ถมดินปรับพื้นที่ภายใน บริเวณวัด เป็นเงิน 400,000.- บาท แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในการถมดินปรับพื้นที่ภายใน บริเวณวัดบางส่วน และนําเงินส่วนที่เหลือไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทาสีอุโบสถ และเจดีย์
10. วัดวังวน ตําบลวังวน อําเภอพรหมพิราม ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุน เพื่อใช้ถมดินปรับพื้นที่ภายใน บริเวณวัด เป็นเงิน 350,100.- บาท แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินไปใช้จ่ายในการลงหินเกร็ดภายในบริเวณวัด เป็นเงิน 92,644.-บาท ซึ่งขณะเข้าตรวจสอบวัดยังมีเงินที่มิได้นําใช้จ่ายอีก เป็นเงิน 257,456.- บาท ซึ่งเงินที่ เหลือจํานวนดังกล่าววัดชี้แจงว่าจะนําไปใช้ทาสีอุโบสถ และพัฒนาวัดต่อไป
11. วัดราชบูรณะ ตําบลในเมือง อําเภอเมืองพิษณุโลก ได้ขอและได้รับเงินอุดหนุนเพื่อใช้ถมดินปรับพื้นที่ ภายในบริเวณวัด แต่ดําเนินการจริงวัดได้นําเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในการปรับปรุงภูมิทัศน์และสวนหย่อมภายใน บริเวณวัด และนําเงินส่วนที่เหลือสมทบกับเงินของวัดเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมกุฏิ จํานวน 2 หลัง
จากการที่วัดทั้ง 11 แห่ง ใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งขอรับการสนับสนุนและนําเงินไป ใช้ในกิจกรรมอื่นที่นอกเหนือจากที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้ไม่ว่าจะเป็นการนําไปเป็นค่าใช้จ่ายการก่อสร้างสิ่งปลูก สร้างใหม่หรือนําไปพัฒนาวัดในด้านอื่นๆ ที่ไม่ได้รับรับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยโดยตรง
ซึ่งนอกจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกําหนดไว้ ตามหนังสือ ที่ พศ 0003/ 1503 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 เรื่องโอนเงินอุดหนุนและปฏิสังขรณ์วัดที่ประสบอุทกภัยให้สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเบิกจ่ายแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และแนวทางในการดําเนินงานการให้ความ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2554 ที่ได้กําหนดหลักเกณฑ์ของโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จะต้องเป็นโครงการที่จําเป็นต้องดําเนินการทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา และแก้ไขซ่อมแซมของเดิมที่ ชํารุดเสียหายอันเนื่องจากเหตุอุทกภัยโดยตรง เท่านั้น
สาเหตุ
จากการสัมภาษณ์ ผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ของสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าอาวาสและกรรมการวัดต่างๆ พบว่า สาเหตุสําคัญที่ ทําให้การสํารวจข้อมูลความเสียหายของวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณขาดความชัดเจน และวัดใช้ งบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ มีดังนี้
1. ระยะเวลาในการดําเนินการสํารวจข้อมูลความเสียหายและรวบรวมเอกสารเพื่อประกอบ การขอรับ การสนับสนุนเงินงบประมาณมีจํากัด ประกอบกับในช่วงที่ทางราชการกําหนดให้สํารวจข้อมูลความเสียหายเพื่อ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ในบริเวณวัดยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ทําให้ไม่สามารถประเมินความเสียหายที่ แท้จริงของอาคารเสนาสนะได้ มีผลทําให้ภายหลังจากที่สภาพบริเวณวัดเข้าสู่ภาวะปกติและวัดได้รับการ สนับสนุนงบประมาณแล้ว เจ้าอาวาสและกรรมการวัด เห็นว่ารายการ ความเสียหายของอาคารเสนาสนะต่างๆ ที่ แจ้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณไปนั้นไม่เกิดความเสียหายหรือเ สียหายเ พียงเ ล็กน้อยซึ่งไ ม่จําเ ป็นต้อง ดําเนินการซ่อมแซม จึงได้นําเงินงบประมาณที่ได้รับอุดหนุนไปก่อสร้างอาคารเสนาสนะตลอดจนพัฒนาวัดด้าน อื่นๆ ที่เห็นว่าจําเป็นกว่า
2. ในการพิจารณาโครงการที่วัดขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสํานักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกใช้เพียงข้อมูลความเสียหายที่วัดแจ้งขอตามแบบฟอร์มที่ทางราชการ กําหนดและภาพถ่ายที่วัดรายงานขึ้นมาเท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของสํานักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกไม่ สามารถลงพื้นที่สํารวจข้อมูลของวัดที่ได้รับความเสียหายได้ครบทุกวัดด้วยเหตุของ
เงื่อนเวลาที่มีจํากัด ทําให้ข้อมูลความเสียหายที่วัดแจ้งขาดรายละเอียดที่ชัดเจนและไม่ถูกต้องกับ ความเสียหาย ที่วัดได้รับจริง ซึ่งส่งผลให้การพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือวัดไม่ตรงกับความเ สียหายที่เ กิดกับ วัดจริงรวมทั้งสนับสนุนงบประมาณเ กินความจําเป็นด้วย
3. เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของสํานักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโ ลกขาดประสบการณ์และ แนวทางปฏิบัติในการแสวงหาและจัดทําข้อมูลในการขอรับเงินอุดหนุนเพื่อใช้บูรณะและปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ของวัดที่ประสบอุทกภัยที่ถูกต้องชัดเจน
4. เจ้าอาวาสและกรรมการวัดส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม ในการขอรับเงินและใช้จ่ายเงินจากทางราชการที่ดีเพียงพอ
ข้อเสนอแนะ
จากข้อสังเกตที่ได้จากการตรวจสอบดังกล่าวข้างต้น พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การใช้จ่าย เงิน
งบประมาณที่มีลักษณะเป็นการช่วยเหลือบูรณะซ่อมแซมและปฏิสังขรณ์วัดที่ประสบอุทกภัย ในโอกาสต่อไป ได้เ กิดประสิทธิผลสูงสุดและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ สํานักงานการตรวจเ งินแผ่นดิน มีข้อเ สนอแนะให้ สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก พิจารณาดําเนินการ ดังนี้
1.รวบรวมปัญหาอุปสรรคจากการดําเนินงานที่ผ่านมาและข้อสังเกตจากการตรวจสอบของสํานักงาน การตรวจเงินแผ่นดิน เสนอสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติเพื่อใช้ ในการช่วยเหลือวัดที่ประสบภัยต่างๆ ที่มีความชัดเจน รวมทั้งจัดทําคู่มือในการปฏิบัติในการขอความช่วยเหลือ และให้ความช่วยเหลือวัดที่ประสบภัยเพื่อให้วัดและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
2. ในโอกาสต่อไปหากมีการดําเนินการเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินเงินอุดหนุนบูรณะและปฏิสังขรณ์ให้กับ วัดที่ประสบอุทกภัยเช่นนี้อีก ควรจัดประชุมชี้แจงซักซ้อมความเข้าใจ และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ และวิธี ปฏิบัติที่ถูกต้องให้เจ้าอาวาสวัด กรรมการวัด และเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อให้การใช้ จ่ายเงินเกิดความรัดกุม โปร่งใส เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง
3. ในโอกาสต่อไปหากวัดเกิดภัยพิบัติในลักษณะต่างๆ สํานักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก ควร แนะนําให้วัดขอความอนุเคราะห์จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ทําการสํารวจสภาพความเสียหาย และกําหนดกิจกรรมพร้อมประมาณการค่าใช้จ่ายในการบูรณะปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งที่ได้รับความเสียหายให้ สามารถกลับมาใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ
ข้อสังเกตที่ 3
การดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณะและปฏิสังขรณ์ของวัด ยังขาดความรัดกุม
3.1 วัดขาดระบบการควบคุมเกี่ยวกับการรับ - จ่ายเงินที่ดี จากการสอบถามเจ้าอาวาสและกรรมการวัด รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรับ - จ่ายเงินที่วัดได้รับการสนับสนุนจากสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติของวัดจํานวน 26 แห่ง พบว่า วัดทั้ง 26 แห่ง ได้รับเ งินงบประมาณที่สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโ ลกจัดสรร โ อนเ ข้าบัญชีธนาคาร ครบถ้วน และวัดได้นําเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายในการบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด รวมทั้งพัฒนาวัดในด้านต่างๆ โดย วัดบางแห่งได้ซื้อวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ มาดําเนินการเอง บางแห่งได้ทําการจ้างผู้รับจ้างมาดําเนินการ
แต่ใน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารในการใช้จ่ายเ งินที่วัดได้รับการอุดหนุนพบว่าวัดหลายแห่งยังขาดระบบการ ควบคุมการรับ-จ่ายเงินที่รัดกุมหรือดีเพียงพอ กล่าวคือ วัดไม่ได้นําเงินงบประมาณที่ได้รับและนําไปใช้จ่ายไป ลงบัญชีรับจ่ายเงินของวัด และมีวัดหลายแห่งไม่ได้ มีการจัดทําบัญชีรับจ่ายเงินของวัดไว้เพื่อประโยชน์ในการ ตรวจสอบของเจ้าอาวาสวัดว่าการรับ - จ่ายเงินของวัดว่าเป็นไปโดยเรียบร้อยถูกต้องหรือไม่ ตามที่กําหนดไว้ตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2511) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ข้อ 6 นอกจากนั้นยัง พบอีกว่าหลักฐานการจ่ายเงินของวัดบางแห่งที่นํามาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูเป็นหลักฐานที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ ครบถ้วน เช่น
- ใบเสร็จรับเงินของผู้ขาย/ผู้รับจ้าง ไม่ระบุชื่อ สถานที่อยู่ของผู้รับเงิน วัน เดือน ปี ที่รับเงิน และ รายละเอียดรายการที่ซื้อหรือจ้าง ได้แก่ วัดคลองเป็ดใต้ ตําบลวังพิกุล อําเภอวังทอง
- ใช้ใบส่งของผู้รับจ้างเป็นหลักฐานการจ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงินของผู้รับจ้าง ได้แก่ วัดเสนาสน์ ตําบลท่า งาม อําเภอวัดโบสถ์
- เอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายบางรายการไม่ตรงกับงานที่ดําเนินการจริง ได้แก่ วัดตระแบกงาม ตําบล ชุมแสงสงคราม อําเภอบางระกํา, วัดหนองอ้อ ตําบลชุมแสงสงคราม อําเภอบางระกํา
- ไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินให้ตรวจสอบ ได้แก่ วัดโพธิ์ประสาท ตําบลบ่อทอง อําเภอบางระกํา จากการที่วัดขาดระบบการควบคุมเกี่ยวกับการรับจ่ายเงินที่ดี มีผลทําให้เจ้าอาวาสวัด ไม่สามารถทราบได้ว่าการรับจ่ายเงินของวัดเป็นไปโดยถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่
รวมทั้งไม่มีหลักฐานแสดงฐานะการเงินของ วัดเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ขอเป็นวัดพัฒนาและเมื่อมีชาวบ้านมาร้องเรียน เรื่องการเงินของวัดด้วยนอกจากนั้นอาจเป็นจุดอ่อนที่ทําเกิดการทุจริตในการรับ - จ่ายเงินของวัดได้ด้วย
3.2 การจ้างดำเนินการขาดความรัดกุมที่ดี สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกได้กําหนดแนวทางในการใช้จ่ายเ งินอุดหนุนเ พื่อบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดที่ประสบอุทกภัยเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณะและการปฏิสังขรณ์เป็นไป ด้วยความรัดกุม ได้สิ่งของในปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน โดยกําหนดให้ เจ้าอาวาสวัดทั้ง 56 แห่ง แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจการจ้างเหมา และมีใบตรวจการจ้าง เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินส่งให้สํานักงาน พระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก
จากการตรวจสอบพบว่า ในการจ้างถมดินปรับพื้นที่ภายในบริเวณวัดของวัดจํานวน 36 แห่ง ไม่ได้มี การจัดทําสัญญาจ้างหรือบันทึกตกลงจ้างระหว่างวัดกับผู้รับจ้างไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเพียงแต่ใช้การ ตกลงด้วยวาจาเท่านั้น โดยใช้วงเงินงบประมาณที่ได้รับเป็นตัวกําหนดค่าจ้างและปริมาณงานอย่างคร่าวๆ มีผล ให้
1. ในการจ้างงานดังกล่าวขาดหลักฐานที่จะแสดงถึงรายละเอียดของลักษณะงาน ปริมาณงาน และ คุณภาพงานจ้าง ที่กําหนดให้ผู้รับจ้างต้องดําเนินการ
2. กรรมการตรวจการจ้างที่วัดแต่งตั้งขาดข้อมูลและรายละเอียดของงานที่จะทําการตรวจรับงาน ซึ่งจะเห็น ได้จากการที่ได้สังเกตการณ์การถมดิบปรับพื้นที่ของวัดต่างๆ ในระหว่างวันที่ 2 - 16 กรกฎาคม 2555 ที่พบว่ามีหลายวัด ที่สภาพงานดินถมไม่เรียบร้อย โดยบางจุดมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อและมีน้ำขัง สาเหตุเนื่องจากมิได้มีการปรับ เกลี่ยและบดอัดพื้นหลังจากถมดินแล้ว ส่งผลให้ภูมิทัศน์ภายในวัดโดยรอบขาดความสวยงาม เช่น วัดกระทุ่มยอดน้ำ ตําบลวังอิทก อําเภอบางระกํา, วัดคุยพะยอม ตําบลบางระกํา อําเภอบางระกํา, วัดแพงพวย ตําบลชุมแสง สงคราม อําเภอบางระกํา เป็นต้น
3. เกิดความเ สียหายต่องานที่จ้างและการจ่ายเ งินค่าจ้างอันเ นื่องมาจากการที่ผู้รับจ้างทํางานใน ประเภท/ปริมาณที่ต่ำกว่าที่ควร
4.วัดขาดสภาพบังคับทางกฎหมายหากผู้รับจ้างไม่ดําเนินงานให้เป็นไปตามที่วัดกําหนด ซึ่งความไม่ชัดเจนในการจ้างงานดังกล่าวเกิดจากการที่วัดไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับงานจ้างมาก่อน สาเหตุ สาเหตุสําคัญเนื่องจากวัดโดยส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะและพัฒนาวัด จากทางราชการมาก่อนจึงไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
ประกอบกับสํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก ไม่ได้กําหนด แนวทางในการปฏิบัติในการจ้างที่จ่ายจากเงินงบประมาณที่ทางราชการอุดหนุนให้วัดที่ชัดเจน โดยเพียงแต่กําหนดให้ วัดที่รับงบประมาณส่งใบตอบรับเงินอุดหนุน และรายงานผลการใช้จ่ายเงิน และกรณีที่วัดมีการจ้างเหมาบูรณะ ปรับปรุงซ่อมแซม ให้วัดส่งคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างเหมา และมีใ บตร ว จการ จ้า ง เ พื่อเ ป็น หลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินส่งให้สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก เท่านั้น และยังขาดการ แนะนําการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทําบัญชี การจัดทําและรวบรวมเอกสารหลักฐานประกอบการใช้ จ่ายเงิน และหลักฐานประกอบการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ดีเพียงพอ
ข้อเสนอแนะ
1. สํานักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกควรให้คําแนะนําแก่เจ้าอาวาสวัด/กรรมการวัด ในข้อ
ปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดทําทะเบียน บัญชี แบบสัญญา และแบบพิมพ์อื่นๆ ที่กําหนดไว้ตามนัย ข้อ 6 และข้อ 8 แห่ง กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2511) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505
2. ในโอกาสต่อไปหากมีการดําเนินการเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือวัดในลักษณะเช่นนี้อีก สํานักงาน พระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกควรจะต้องกําหนดแนวทางการปฏิบัติการใช้จ่ายงบประมาณ เงินอุดหนุนของวัดให้ มีความรัดกุมยิ่งขึ้นพร้อมจัดให้มีการประชุมชี้แจงและซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติให้เจ้าอาวาสวัด/กรรมการวัด เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนปฏิบัติให้ถูกต้องรัดกุม
3. ขอความอนุเคราะห์เจ้าคณะปกครองสงฆ์ ระดับตําบล อําเภอ และจังหวัด ดําเนินการตรวจสอบและช่วย กํากับดูแลวัดในเขตปกครอง โดยให้วัดทุกแห่งมีการจัดทําบัญชีการเงินของวัดเพื่อประโยชน์ ในการติดตามผล หรือตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
