สุดยอด 10 อันดับข่าวฉาว คอร์รัปชั่นไทย ปี'55 ปล้นบ้านอดีตปลัด-ฮั้ว3G-จำนำข้าว-ไร่ส้ม ติดโผ
ม.รังสิต เผยผลจัดอันดับ 10 ข่าวอื้อฉาวคอร์รัปชั่นไทย ปี'55 คดีปล้นบ้านอดีตปลัด ก.คมนาคม-ฮั้วประมูล 3G-จำนำข้าว-บ.ไร่ส้ม ติดโผ
ศูนย์ศึกษาเพื่อการต่อต้านการคอร์รัปชั่น วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผลการจัดอันดับ 10 ข่าวอื้อฉาวที่สุดเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นของประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2555 (1 ตุลาคม 2554 – 30 กันยายน 2555) ซึ่งจัดอันดับจากความสนใจของประชาชน ที่มีการซุบซิบนินทาในข่าวนั้นๆ มากที่สุด และมีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อต่างๆมากที่สุด
โดยแบ่งการคอร์รัปชั่นที่อื้อฉาวออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. การคอร์รัปชั่นทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องของการโกงเงินงบประมาณแผ่นดินหรือการรับสินบนของนักการเมืองและข้าราชการประจำ 2.การคอร์รัปชั่นทางการเมือง เป็นเรื่องที่รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบไปข่มเหงหรือ รังแกพรรคการเมืองฝ่ายค้านหรือผู้ที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล 3.การคอร์รัปชั่นทางการบริหาร เป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยมิได้ยึดหลักคุณธรรมและความสามารถโดยนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐชั้นผู้ใหญ่เช่นอาศัยความเป็นญาติพี่น้อง สมัครพรรคพวกของตนเองเป็นหลัก และ 4.การคอร์รัปชั่นภาคธุรกิจ เป็นการทุจริตของนักธุรกิจเอกชน เช่นการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเลขบัญชีทางการค้าเพื่อหลอกลวงผู้คนทั่วไป เป็นต้น
สำหรับ 10 อันดับข่าวอื้อฉาวที่สุดเรื่องคอร์รัปชั่นในปี 2555 ได้แก่
1. การปล้นบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ตำรวจสามารถยึดเงินของกลางได้เป็นจำนวนที่มากกว่าที่เจ้าทุกข์แจ้ง ทำให้เกิดข้อสงสัยกันทั่วไปว่าเงินเหล่านั้นน่าจะเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่โปร่งใส กรณีนี้ถือเป็นการคอร์รัปชั่นทางเศรษฐกิจ
2. การฮั้วประมูล 3 G ของ กสทช. ที่ไม่มีการแข่งขันจริง ไม่มีผู้ประมูลจากต่างประเทศเข้าแข่งขัน กสทช. กำหนดราคาประมูลต่ำกว่าความเป็นจริง เกิดอำนาจกึ่งผูกขาดในตลาดของบริษัทมือถือ 3 ราย ทำให้ผู้ประกอบการได้กำไรเกินกว่าราคาปกติ รัฐสูญเสียรายได้ และผู้บริโภคต้องเสียค่าบริการที่สูงเกินจริง
3. นโยบายการรับจำนำข้าวที่สูงกว่าราคาตลาดของรัฐบาล ทำให้งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลที่มาจากภาษีอากรของประชาชนเสียหายเป็นเงินนับแสนล้านบาท ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ (Public interest) และแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวมจนสามารถเรียกได้ว่าเป็นการคอร์รัปชั่นทางเศรษฐกิจ
4. การสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนพลตำรวจ ที่มีข่าวอื้อฉาวว่ามีขบวนการโกงข้อสอบที่สร้างรายได้ให้แก่ตำรวจกลุ่มหนึ่งที่ใช้อำนาจของตนอย่างขาดความรับผิดชอบ และทำให้ผู้สมัครนับหมื่นคนต้องเดือดร้อน จนสามารถจึงเรียกได้ว่าเป็น “คอร์รัปชั่นทางการบริหาร”
5. กรณีบริษัทไร่ส้มของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ที่ถูก ปปช. ชี้มูลความผิดว่าจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อผลประโยชน์ในการทำธุรกิจ เรียกได้ว่าเป็น “การคอร์รัปชั่นภาคธุรกิจ”
6. การโยกย้ายเลขาธิการ ปปท. พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเข้าไปตรวจสอบการทุจริตในหน่วยงานราชการบางแห่ง ซึ่งมีผลประโยชน์นับหมื่นล้านบาท เป็นการใช้อำนาจของรัฐบาลที่มิได้ตั้งอยู่บนหลักคุณธรรม และความสามารถ จึงเรียกได้ว่าเป็น “คอร์รัปชั่นทางการบริหาร”
7. การโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษาฯ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีความผิด เพียงเพื่อที่จะให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แล้วให้ ผบ.ตร.ท่านเดิมไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ เป็นการแสดงออกถึงการใช้อำนาจของรัฐบาลในการบริหารแผ่นดินอย่างไม่เป็นธรรม จึงเรียกได้ว่าเป็น “คอร์รัปชั่นทางการบริหาร”
8. งบฟื้นฟูการบริหารจัดการน้ำท่วม 120,000 ล้านบาท กลายเป็นข่าวอื้อฉาวมาก เพราะว่าการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ถูกมองว่าขาดความโปร่งใสเป็นอย่างยิ่งจนเรียกได้ว่าเป็นการคอร์รัปชั่นทางด้านเศรษฐกิจ
9. กรณีดีเอสไอ ตั้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าสั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ เป็นการใช้อำนาจทางการเมืองของรัฐบาลในการกลั่นแกล้งผู้นำฝ่ายค้านอย่างชัดเจน จนสามารถเรียกได้ว่าเป็น “การคอร์รัปชั่นทางการเมือง”
10. การถอดยศว่าที่ร้อยตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ โดย รมว.กลาโหม เป็นการกลั่นแกล้งและใช้อำนาจทางการเมืองโดยมิชอบของ รมว.กลาโหม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “การคอร์รัปชั่นทางการเมือง”